กระทรวงการคลังของจีนประกาศในวันอาทิตย์ (6 ก.ค.) ว่า จะออกมาตรการต่าง ๆ กับอุปกรณ์การแพทย์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล เพื่อตอบโต้มาตรการของฝั่งยุโรป
สำนักข่าวซินหัวรายงานถ้อยแถลงของกระทรวงการคลังของจีน ซึ่งระบุว่า หากหน่วยงานภาครัฐของจีนต้องการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่มีวงเงินสูงกว่า 45 ล้านหยวน (ราว 6.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจำเป็นต้องซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ หลังจากผ่านขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว จะต้องไม่ให้บริษัทจาก EU (ยกเว้นบริษัท EU ที่มีฐานการผลิตในจีน) เข้ามามีส่วนร่วมในการประมูลหรือจัดซื้อนั้น
สำหรับบริษัทนอก EU ที่เข้าร่วมโครงการจัดซื้อของภาครัฐจีน สัดส่วนอุปกรณ์การแพทย์ที่นำเข้าจาก EU ที่นำมาเสนอขายจะต้องไม่เกิน 50% ของมูลค่าสัญญาทั้งหมด
อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ ระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่บังคับใช้กับโครงการที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์จาก EU เท่านั้น โดยประกาศนี้จะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 6 ก.ค. 2568 และจะไม่มีผลย้อนหลังกับโครงการที่ได้ประกาศผลการประมูลหรือทำสัญญาไปแล้วก่อนหน้านั้น
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าว โดยชี้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปออกมาตรการเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อจำกัดบริษัทและสินค้าของจีนไม่ให้เข้าร่วมโครงการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ของภาครัฐใน EU
โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า จีนได้พยายามแสดงความต้องการที่จะแก้ไขปัญหานี้ผ่านการเจรจาทวิภาคีมาโดยตลอด เป็นเรื่องน่าเสียดายที่แม้จีนจะแสดงความจริงใจ แต่ EU ยังคงยืนกรานที่จะใช้มาตรการกีดกันเพื่อสร้างกำแพงการค้าขึ้นมาใหม่
"ด้วยเหตุนี้ จีนจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของบริษัทจีน และรักษาสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่เป็นธรรม" โฆษกกระทรวงฯ กล่าวทั้งนี้ กระทรวงการคลังจีนเน้นย้ำว่า มาตรการดังกล่าวจะใช้กับอุปกรณ์การแพทย์ที่นำเข้าจาก EU เท่านั้น และจะไม่ส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติ EU ที่มีฐานการผลิตในประเทศจีน