รัฐมนตรีต่างประเทศจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เปิดฉากการประชุมประจำปีในวันนี้ (9 ก.ค.) ที่ประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการภาษีฝ่ายเดียวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
รัฐมนตรีจาก 10 ประเทศสมาชิกคาดว่าจะแสดงความกังวลต่อมาตรการภาษีดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมที่สำนักข่าวเกียวโดได้เห็นระบุว่า การดำเนินการฝ่ายเดียวด้านภาษีนั้นไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และเสี่ยงต่อการทำให้เศรษฐกิจโลกแตกแยกยิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างความท้าทายที่ซับซ้อนต่อเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน
นอกจากนี้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่จะจัดขึ้นในปลายสัปดาห์นี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การเยือนเอเชียครั้งแรกของรูบิโอในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศจะเน้นย้ำพันธกิจของสหรัฐฯ ในการส่งเสริมภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง
เมื่อวันจันทร์ (7 ก.ค.) ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตราใหม่กับ 14 ประเทศ รวมประเทศสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศ โดยกำหนดอัตราภาษีระหว่าง 10%-49% และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
กัมพูชาได้รับการปรับลดอัตราภาษีจาก 49% เหลือ 36% ขณะที่ลาวลดจาก 48% เหลือ 40% และเมียนมาจาก 44% เหลือ 40% ส่วนไทยและอินโดนีเซียยังคงอัตราเดิมที่ 36% และ 32% ตามลำดับ
ขณะที่มาเลเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียนปีนี้ถูกปรับเพิ่มขึ้นจาก 24% เป็น 25% ส่วนเวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ทำให้อัตราภาษีลดลงจาก 46% เหลือ 20%