กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (14 ก.ค.) ว่า ทางกระทรวงได้เปิดฉากการตรวจสอบด้านความมั่นคงแห่งชาติภายใต้มาตรา 232 กับการนำเข้าโดรนและส่วนประกอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนโพลีซิลิคอน (polysilicon) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแผงโซลาร์เซลล์และชิปเซมิคอนดักเตอร์
การตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. แต่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะก่อนหน้านี้ อาจถูกใช้เป็นพื้นฐานของการเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นจากโดรนนำเข้าและโพลีซิลิคอน และวัสดุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจีนครองสัดส่วนยอดขายส่วนใหญ่ของการจำหน่ายโดรนเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำเนินการตรวจสอบด้านความมั่นคงของชาติหลายรายการ ซึ่งรวมถึง การนำเข้าเครื่องบินพาณิชย์ เครื่องยนต์เครื่องบิน และชิ้นส่วนต่าง ๆ รถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่และอะไหล่ต่าง ๆ ชิปเซมิคอนดักเตอร์และผลิตภัณฑ์ยา
ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ ได้ยกระดับการปราบปรามโดรนจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยดีเจไอ (DJI) ซึ่งเป็นผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดในโลกจากจีน จำหน่ายโดรนเชิงพาณิชย์มากกว่าครึ่งหนึ่งในสหรัฐฯ
ปธน.โจ ไบเดนในขณะนั้น ได้ลงนามในกฎหมายในเดือนธ.ค. ที่อาจนำไปสู่การสั่งห้าม DJI และออเทล (Autel) จำหน่ายโดรนรุ่นใหม่ในสหรัฐฯ ในท้ายที่สุด ก่อนที่ต่อมาในเดือนม.ค. กระทรวงพาณิชย์ภายใต้การดูแลของของไบเดนเปิดเผยว่า กำลังพิจารณากฎระเบียบที่จะจำกัดหรือสั่งห้ามจำหน่ายโดรนจีนในสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมโดรนของสหรัฐฯ
สมาคมระบบยานยนต์ไร้คนขับระหว่างประเทศ (Association for Uncrewed Vehicle Systems International) แถลงสนับสนุนการสอบสวนดังกล่าว โดยระบุว่าจะมีการทบทวนประเด็นความเข้มข้นของห่วงโซ่อุปทาน ศักยภาพการผลิตภายในประเทศ ตลอดจนบทบาทของเงินอุดหนุนจากต่างประเทศและแนวทางการกำหนดราคาด้วย