ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เผยไม่ใส่ใจคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ประกาศจะใช้มาตรการคว่ำบาตรประเทศที่ยังซื้อน้ำมันและสินค้าส่งออกจากรัสเซีย หากรัสเซียไม่บรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครนภายใน 50 วัน
เมดเวเดฟโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า "ทรัมป์ยื่นคำขาดกับรัสเซียเหมือนละครฉากใหญ่ โลกสะท้านด้วยคาดการณ์ถึงผลที่จะตามมา ยุโรปที่อยากเห็นความขัดแย้งรู้สึกผิดหวัง ส่วนรัสเซียไม่สนใจ"
ในระหว่างการพบกับเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันจันทร์ (14 ก.ค.) ทรัมป์ได้ประกาศจัดส่งอาวุธล็อตใหม่ให้ยูเครน พร้อมขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้า 100% กับประเทศที่ยังคงซื้อน้ำมันรัสเซีย นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแสดงความไม่พอใจประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ด้วย
"ผมผิดหวังในปูติน เพราะผมคิดว่าเราจะได้ข้อตกลงตั้งแต่ 2 เดือนก่อน แต่ดูเหมือนว่าเราจะไปไม่ถึงไหน ดังนั้นเราจะใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ และถ้าไม่มีข้อตกลงภายใน 50 วัน มันจะเป็นภาษี 100% ง่าย ๆ แค่นั้นเอง แต่หวังว่าเราจะไม่ต้องทำ" ปธน.ทรัมป์กล่าวด้านรัฐบาลรัสเซีย แม้จะยังไม่ได้ออกมาตอบโต้อย่างเป็นทางการต่อถ้อยแถลงดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ แต่โฆษกรัฐบาลวิจารณ์การจัดหาอาวุธและกระสุนให้ยูเครนของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ย้อนแย้ง
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่จะให้อำนาจประธานาธิบดีเก็บภาษีสูงสุดถึง 500% ต่อประเทศที่ให้ความช่วยเหลือรัสเซีย โดยมีสมาชิกวุฒิสภากว่า 85 คนร่วมสนับสนุน แต่พรรครีพับลิกันยังรอสัญญาณจากทรัมป์ก่อนเดินหน้าลงมติ
ทั้งนี้ จีนและอินเดียยังคงเป็น 2 ประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมากที่สุด