นายบูดี ซานโตโซ รัฐมนตรีพาณิชย์อินโดนีเซีย กล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงการค้า สหรัฐไม่เพียงแต่ต้องการเข้าถึงตลาดอินโดนีเซียเท่านั้น แต่ยังแสดงความสนใจที่จะเข้าลงทุนในประเทศด้วย
"จริง ๆ แล้ว อเมริกาไม่ได้เรียกร้องเพียงการเข้าถึงตลาด แต่พวกเขาต้องการจะเข้ามาลงทุนด้วย" นายบูดีกล่าวในการประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร
นายบูดีกล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อินโดนีเซียจะได้รับการลงทุนจากสหรัฐในสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภท ซึ่งรวมถึงภาคพลังงาน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ เนื่องจากอินโดนีเซียจะนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนจากสหรัฐเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน สินค้าสหรัฐบางรายการ เช่น ข้าวสาลีและถั่วเหลือง ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าอยู่แล้ว เนื่องจากอินโดนีเซียต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ
"สิ่งนี้หมายความว่าเราต้องการสินค้าเหล่านี้ ดังนั้นจริง ๆ แล้ว นี่คือโอกาสสำหรับเราในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ" นายบูดี กล่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบน Truth Social วานนี้ ระบุว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอินโดนีเซียแล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียในอัตรา 19% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐขู่เรียกเก็บภาษีดังกล่าวสูงถึง 32%
อย่างไรก็ดี หากมีการส่งผ่านสินค้าจากประเทศที่มีอัตราภาษีสูงกว่า ภาษีดังกล่าวก็จะถูกบวกเพิ่มเข้าไปในภาษีที่อินโดนีเซียต้องจ่ายด้วย
นอกจากนี้ ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ อินโดนีเซียได้ให้คำมั่นว่าจะซื้อพลังงานจากสหรัฐวงเงิน 15,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตรจากสหรัฐวงเงิน 4,500 ล้านดอลลาร์ และเครื่องบินโบอิ้ง 50 ลำ ซึ่งหลายลำเป็นรุ่น 777
ขณะเดียวกัน สินค้าที่ส่งออกจากสหรัฐไปยังอินโดนีเซียจะได้รับการยกเว้นทั้งภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี และเป็นครั้งแรกที่เกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์ และชาวประมงของสหรัฐ จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรกว่า 280 ล้านคนอย่างเต็มรูปแบบ