ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยืนยันเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ค.) ว่าได้ยุติการใช้วิศวกรที่ประจำอยู่ในจีนในการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่กองทัพสหรัฐฯ แล้ว หลังเกิดกระแสกังวลด้านความมั่นคงจากรายงานของสื่อโปรพับลิกา (ProPublica) ซึ่งระบุว่า วิศวกรจีนเคยทำงานเกี่ยวข้องกับระบบคลาวด์ของกองทัพภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ ที่ได้รับการว่าจ้างผ่านผู้รับเหมาช่วง แม้เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะได้รับการอนุมัติด้านความปลอดภัย แต่กลับขาดทักษะทางเทคนิคเพียงพอในการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
กรณีนี้ทำให้ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ สั่งตรวจสอบสัญญาบริการคลาวด์ของเพนตากอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีวิศวกรจีนทำงานเกี่ยวข้องกับสัญญาอื่น ๆ อีก พร้อมประกาศให้จีนยุติบทบาทในบริการคลาวด์ของกองทัพสหรัฐฯ โดยทันที
เฮกเซธย้ำว่ากระทรวงกลาโหมจะยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด และป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายออนไลน์ของกองทัพ
ก่อนหน้านี้ ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐอาร์คันซอ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองและเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกองทัพของวุฒิสภา ได้ส่งจดหมายถึงเฮกเซธ สอบถามเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของไมโครซอฟท์ พร้อมร้องขอรายชื่อผู้รับเหมาที่ใช้บุคลากรจีน และข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อให้สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้ โดยคอตตอนให้เหตุผลว่า จีนถือเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อันตรายและก้าวร้าวที่สุดต่อสหรัฐฯ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์เจาะระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เครือข่ายโทรคมนาคม และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ จำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงจากทุกส่วนของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงจากผู้รับเหมาช่วง
ไมโครซอฟท์ซึ่งเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ เคยตกเป็นเป้าการโจมตีของแฮกเกอร์จีนและรัสเซีย และได้เปิดเผยแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิศวกรจีนต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ระหว่างกระบวนการขออนุมัติแล้ว โดยล่าสุด แฟรงก์ ชอว์ โฆษกของไมโครซอฟท์ระบุผ่าน X ว่า ไมโครซอฟท์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสนับสนุนลูกค้าซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาล เพื่อตอบสนองต่อความกังวลที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าจะไม่มีทีมวิศวกรจีนที่ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคกับการให้บริการเพนตากอนอีกต่อไป