มหาวิทยาลัยโคลัมเบียมีคำสั่งลงโทษทางวินัยต่อนักศึกษาหลายสิบคนเมื่อวันอังคาร (22 ก.ค.) จากการเข้าร่วมการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ ทั้งในกรณีการยึดพื้นที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยก่อนการสอบปลายภาคเมื่อเดือนพ.ค. และการตั้งเต็นท์ปักหลักในช่วงสุดสัปดาห์งานคืนสู่เหย้าศิษย์เก่าปี 2567 โดยความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นขณะที่มหาวิทยาลัยกำลังพยายามขอเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางกลับคืนมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหว Columbia University Apartheid Divest ซึ่งเป็นผู้เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยตัดความสัมพันธ์ทางการเงินทั้งหมดกับอิสราเอล เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า มีนักศึกษาถูกลงโทษมากกว่า 70 คน โดยราว 80% ของจำนวนนี้ได้รับโทษสถานหนัก ตั้งแต่การพักการเรียน การไล่ออก ไปจนถึงการเพิกถอนปริญญา
ทางกลุ่มระบุว่า บทลงโทษของมหาวิทยาลัยต่อนักศึกษาครั้งนี้ "รุนแรงกว่าบรรทัดฐานที่เคยมีมาอย่างมาก" เมื่อเทียบกับบทลงโทษในกิจกรรมประท้วงรูปแบบอื่น เช่น การจัดเสวนา หรือการยึดอาคารในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับปาเลสไตน์ พร้อมยืนยันว่าจะไม่ย่อท้อและจะเดินหน้าเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ต่อไป
ด้านคณะกรรมการวินัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้ยืนยันบทลงโทษดังกล่าว
"แม้มหาวิทยาลัยฯ จะไม่เปิดเผยผลการลงโทษของนักศึกษาเป็นรายบุคคล แต่บทลงโทษจากกรณีการประท้วงที่ห้องสมุดบัตเลอร์นั้นมีตั้งแต่การคุมประพฤติ, การพักการเรียน (ตั้งแต่ 1 ถึง 3 ปี), การเพิกถอนปริญญา และการไล่ออก" มหาวิทยาลัยโคลัมเบียระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร
"การขัดขวางกิจกรรมทางวิชาการถือเป็นการละเมิดนโยบายและกฎของมหาวิทยาลัย และการละเมิดดังกล่าวจำเป็นต้องมีผลที่ตามมา" แถลงการณ์ระบุการลงโทษทางวินัยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของโคลัมเบียที่จะเรียกคืนเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ถูกรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับไปตั้งแต่เดือนมี.ค. จากเหตุผลด้านการจัดการการประท้วงต่อต้านสงครามในกาซาและข้อกล่าวหาเรื่องการต่อต้านชาวยิวในรั้วมหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ โคลัมเบียเคยเป็นศูนย์กลางของการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ในปี 2567 และปัจจุบันได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลทรัมป์ใช้กดดันให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ปราบปรามการต่อต้านชาวยิว
นับตั้งแต่กลับเข้าดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวเมื่อเดือนม.ค. ปธน.ทรัมป์ได้สั่งตัดงบประมาณของมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ หลายแห่งที่เขาเห็นว่ามีท่าทีผ่อนปรนต่อการต่อต้านชาวยิวมากเกินไป
สถานการณ์นี้ทำให้มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างโคลัมเบียและฮาร์วาร์ด ต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักให้ต้องเร่งดำเนินการ มิฉะนั้นอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินทุนจากรัฐบาลกลางและอาจต้องปรับลดพนักงานในที่สุด