แพทย์อังกฤษหลายพันคนเริ่มการนัดหยุดงานประท้วงเป็นเวลา 5 วันในช่วงเช้าของวันที่ 25 ก.ค. หลังจากการเจรจากับรัฐบาลพรรคแรงงานเรื่องการขึ้นค่าจ้างครั้งใหม่ล้มเหลว ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มแพทย์เพิ่งยอมรับข้อเสนอขึ้นค่าจ้างรวม 22.3% ในระยะเวลา 2 ปีไปเมื่อเดือนก.ย. ไม่นานหลังจากพรรคแรงงานของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ชนะการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล
บรรดาแพทย์ประจำบ้าน (Resident doctor) ซึ่งเป็นแพทย์ในระดับต่ำกว่าแพทย์ที่ปรึกษา (Consultant) ระบุว่าพวกเขารู้สึกว่า "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากการนัดหยุดงานอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหา "การถูกกัดกร่อนค่าจ้าง" ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2551
หลังจากการเจรจากับรัฐบาลดำเนินไปจนถึงนาทีสุดท้ายในช่วงค่ำของวันที่ 24 ก.ค. แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ กลุ่มแพทย์ก็ได้ออกมายืนถือป้ายประท้วงบริเวณหน้าโรงพยาบาลต่าง ๆ
ในวันที่ 25 ก.ค. สตาร์เมอร์ได้วิงวอนต่อกลุ่มแพทย์ โดยระบุว่าผู้ป่วยกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง และการนัดหยุดงานจะ "สร้างความเสียหายอย่างแท้จริง"
การนัดหยุดงานครั้งนี้ "หมายความว่าทุกฝ่ายจะสูญเสีย" สตาร์เมอร์เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ The Times พร้อมเน้นย้ำว่าการกระทำดังกล่าวจะยิ่งสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ที่กำลังย่ำแย่อยู่แล้ว
สตาร์เมอร์วิงวอนให้แพทย์ "อย่าดำเนินรอยตาม" สหภาพแพทย์ หรือสมาคมการแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร (BMA) "ไปบนเส้นทางที่สร้างความเสียหายนี้ NHS ของเราและผู้ป่วยของคุณต้องการพวกคุณ"
"หลายชีวิตจะตกอยู่ในอันตรายจากการตัดสินใจครั้งนี้" สตาร์เมอร์เตือนอย่างไรก็ตาม กลุ่มแพทย์ประจำบ้านกล่าวว่า ค่าจ้างที่แท้จริงของพวกเขาลดลงไปแล้วกว่า 21% ตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
"เราไม่ได้ทำงานหนักน้อยลง 21% แล้วทำไมค่าจ้างของเราต้องลดลงด้วย" เมลิสซา ไรอัน และ รอสส์ นิวเวาดต์ ประธานร่วมของคณะกรรมการแพทย์ประจำบ้านของ BMA กล่าวในแถลงการณ์