สภาเอลซัลวาดอร์ซึ่งพรรครัฐบาลครองเสียงข้างมาก มีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปการเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้อย่างไม่มีกำหนด
ก่อนหน้านี้ ปธน.บูเคเลเพิ่งชนะเลือกตั้งสมัยที่สองเมื่อปีที่แล้ว แม้รัฐธรรมนูญจะห้ามไว้ชัดเจน โดยอาศัยคำวินิจฉัยของศาลสูงสุดเมื่อปี 2564 ที่ตีความว่าการลงสมัครอีกครั้งเป็น "สิทธิมนุษยชน" ของผู้นำ
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะอนุญาตให้ประธานาธิบดีลงสมัครรับเลือกตั้งซ้ำได้ไม่จำกัดวาระ, ขยายวาระจาก 5 ปี เป็น 6 ปี, และยกเลิกการเลือกตั้งรอบตัดสิน (run-off) ทั้งหมดนี้ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 57 ต่อ 3 เสียง ก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุม
หลังชนะเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปธน.บูเคเลเคยกล่าวว่า "ไม่คิดว่าจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ" แต่ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามว่าจะลงสมัครเป็นสมัยที่สามหรือไม่
การปฏิรูปยังรวมถึงการรวบการเลือกตั้งประธานาธิบดี สมาชิกสภา และเทศบาลให้จัดขึ้นพร้อมกันในปี 2570 ซึ่งคาดว่าจะเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรครัฐบาลในทุกระดับ
"เรื่องนี้ง่ายมาก พี่น้องชาวเอลซัลวาดอร์ มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะมีอำนาจตัดสินใจว่าจะสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐนานแค่ไหน รวมถึงประธานาธิบดีของท่านด้วย" อานา ฟิเกรัว สส. พรรคแนวคิดใหม่ (New Ideas) ของปธน.บูเคเล ผู้เสนอร่างกฎหมาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านได้แสดงความกังวลว่ากฎหมายนี้จะยิ่งตอกย้ำการปกครองแบบพรรคเดียวให้ฝังรากลึก
"วันนี้ ประชาธิปไตยในเอลซัลวาดอร์ได้ตายไปแล้ว" มาร์เซลา บิญญาโตโร สส. พรรคฝ่ายค้าน "พันธมิตรสาธารณรัฐแห่งชาติ" (ARENA) กล่าว
ปัจจุบัน ปธน.บูเคเลยังคงเป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมสูง จากผลงานกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมจนอัตราฆาตกรรมลดลงฮวบฮาบ แม้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ามีผู้บริสุทธิ์ถูกจับกุมไปด้วยก็ตาม
"พวกเขาใช้เวลาแค่หนึ่งวันก่อนปิดสมัยประชุม ลงมติรวบรัดเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีการอภิปรายหรือแจ้งให้ประชาชนทราบ เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองที่เอื้อให้ประธานาธิบดีสืบทอดอำนาจได้อย่างไม่สิ้นสุด นี่คือการเดินซ้ำรอยเส้นทางของเหล่าผู้นำเผด็จการอย่างชัดเจน" โนอาห์ บูลล็อก ผู้อำนวยการบริหารของคริสโตซัล (Cristosal) กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าว ซึ่งล่าสุดองค์กรของเขาได้ประกาศลี้ภัยออกจากเอลซัลวาดอร์ เพื่อหนีการรวบอำนาจและปราบปรามผู้เห็นต่างของปธน.บูเคเล