ทางการญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการที่เมียนมาตัดสินใจยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจขัดขวางโอกาสในการยุติสงครามกลางเมืองในเมียนมาที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) หลังจากที่ประกาศใช้มานานถึง 4 ปีครึ่ง โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญที่จำเป็นต่อการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางสถานการณ์สงครามกลางเมืองที่ยังคงดำเนินอยู่
ทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาดำเนินการเพื่อสร้างความคืบหน้าทางการเมือง เช่น การปล่อยผู้ที่ถูกควบคุมตัวและการเจรจาอย่างจริงใจระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับกล่าวว่า หากการเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมาจัดขึ้นโดยไม่มีความคืบหน้าเหล่านี้ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านที่รุนแรงยิ่งขึ้นจากประชาชนชาวเมียนมา และจะทำให้การแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นไปได้ยากขึ้น
นอกจากนี้ อิวายะกล่าวเสริมว่า ญี่ปุ่นมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีการหยุดยิงอย่างแท้จริงทั่วเมียนมา รวมถึง "ให้การสนับสนุนสูงสุด" ต่อความพยายามของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กองทัพเมียนมาได้เข้ายึดอำนาจด้วยการทำรัฐประหารเมื่อเดือนก.พ. 2564 และประกาศภาวะเฉินในเวลาต่อมา ขณะที่รัฐธรรมนูญของเมียนมาระบุว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะต้องจัดขึ้นภายใน 6 เดือนหลังจากมีการยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉิน
รัฐบาลทหารเมียนมามีเป้าหมายที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้หรือเดือนม.ค.ปีหน้า โดยที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของอองซาน ซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกโค่นล้มอำนาจและยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ จะถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนในการเลือกตั้งครั้งนี้
ทั้งนี้ พรรค NLD ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2563 แต่ก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งที่รัฐบาลทหารแต่งตั้งขึ้นสั่งยุบพรรคไปเมื่อปี 2566 โดยกองทัพอ้างว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นมีการทุจริตและประกาศให้เป็นโมฆะ