รัฐบาลปากีสถานประกาศระงับบริการอินเทอร์เน็ตบนมือถือเป็นเวลา 3 สัปดาห์ทั่วแคว้นบาลูจิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เพื่อตัดช่องทางการสื่อสารของกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเรียกร้องส่วนแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ในแคว้น ได้ยกระดับการโจมตีอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายหลักคือกองทัพปากีสถานและผลประโยชน์ของจีน ทำให้กองทัพต้องเปิดปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่โดยอาศัยข้อมูลข่าวกรอง
ชาฮิด รินด์ โฆษกรัฐบาลท้องถิ่น ยืนยันว่า "บริการถูกระงับเพราะกลุ่มติดอาวุธใช้เป็นช่องทางในการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูล" โดยคำสั่งของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (6 ส.ค.) ระบุว่าบริการจะถูกระงับไปจนถึงสิ้นเดือนส.ค. เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบ
สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นสะท้อนจากเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันอังคาร (5 ส.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ 1 ราย และทหารอีก 2 นายเสียชีวิตจากเหตุระเบิดริมถนน โดยกลุ่มกองทัพปลดปล่อยบาลูจิสถาน (BLA) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลที่สุดในพื้นที่ ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ พร้อมยอมรับว่าได้พุ่งเป้าโจมตีนายทหารระดับสูงหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ความขัดแย้งในบาลูจิสถานดำเนินมานานหลายทศวรรษ แต่ปัจจุบันมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์มากขึ้น เนื่องจากเป็นที่ตั้งของท่าเรือกวาดาร์ ซึ่งจีนสร้างขึ้นภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) ที่มีมูลค่าการลงทุนในปากีสถานกว่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ท่ามกลางความพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รัฐบาลปากีสถานได้กล่าวหาอินเดียซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ ว่าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลอินเดียปฏิเสธมาโดยตลอด
ทั้งนี้ บาลูจิสถานเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดของปากีสถาน มีพรมแดนติดกับอัฟกานิสถานและอิหร่าน แต่มีประชากรเบาบางเพียง 15 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศ 240 ล้านคน โดยมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือราว 8.5 ล้านราย ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ปากีสถานเพิ่งสั่งห้ามการเดินทางทางบกไปยังอิหร่านโดยอ้างภัยคุกคามด้านความมั่นคงเช่นกัน