ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาชี้แจงถึงการตัดสินใจปลดลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยระบุว่า คุกพฤติกรรมฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งเขาไม่สามารถปล่อยให้ผู้ที่กระทำผิดเช่นนี้เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญได้
ทรัมป์แถลงต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในวันอังคาร (26 ส.ค.) ว่า "เราต้องการคนที่ซื่อสัตย์สุจริต 100% แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น" พร้อมเสริมว่า "เรามีคนที่เหมาะสมหลายคนสำหรับตำแหน่งนี้"
ปธน.ทรัมป์ประกาศปลดคุกออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการเฟดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 ส.ค.) โดยมีผลในทันที หลังถูกกล่าวหาทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
ขณะที่คุกได้ออกแถลงการณ์หลังจากนั้นไม่นานว่า "ปธน.ทรัมป์อ้างว่าได้ปลดดิฉัน เพราะมีเหตุผล ทั้งที่ไม่มีเหตุอันควรตามกฎหมาย และท่านไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น ดิฉันจะไม่ลาออก ดิฉันจะทำหน้าที่ต่อไปเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจอเมริกันอย่างที่ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2565" ด้านแอ็บบี โลเวลล์ ทนายความของคุกกล่าวว่า การที่ปธน.ทรัมป์ปลดคุกออกจากตำแหน่งนั้น ขาดกระบวนการที่เหมาะสม พื้นฐาน หรืออำนาจทางกฎหมาย
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า คณะกรรมการเฟดออกแถลงการณ์ระบุว่า "คุกได้แจ้งผ่านทนายส่วนตัวของเธอแล้วว่า เธอจะยื่นเรื่องต่อสู้กับคำสั่งนี้ในศาลโดยทันที และจะขอให้ศาลมีคำตัดสินที่ยืนยันว่าเธอยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดที่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภา"
สภาคองเกรสได้จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการสั่งปลดผู้ว่าการเฟดเพียงฝ่ายเดียว โดยกฎหมาย Federal Reserve Act ปีค.ศ. 1913 ระบุว่าประธานาธิบดีสามารถทำการดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อ "มีเหตุอันควร" เท่านั้น แม้ว่ากฎหมายจะไม่ได้ให้รายละเอียดว่า "เหตุอันควร" คืออะไร แต่โดยปกติแล้วจะหมายถึงการประพฤติมิชอบหรือการละเลยการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ คุก ซึ่งเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟดและได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อปี 2565 หากเธอก้าวลงจากตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์จะสามารถเสนอชื่อผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนและดำเนินการปรับโครงสร้างคณะผู้ว่าการเฟดต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า