ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เปิดเผยในวันอังคาร (2 ก.ย.) ว่า การที่สหรัฐฯ ไม่ยอมออกวีซ่าให้แก่เจ้าหน้าที่ชาวปาเลสไตน์เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กนั้น เป็นสิ่งที่ "ยอมรับไม่ได้" และควรกลับคำตัดสิน
มาครงระบุผ่านเอ็กซ์ว่า "เราขอให้ยกเลิกมาตรการนี้ และให้แน่ใจว่าจะมีตัวแทนจากปาเลสไตน์เข้าร่วมได้ตามข้อตกลงในฐานะประเทศเจ้าภาพ"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังมาครงได้หารือกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะเป็นประธานร่วมในการประชุมว่าด้วยการแก้ปัญหาแบบสองรัฐ (Two-State Solution) ในนิวยอร์กในวันที่ 22 ก.ย.
"เป้าหมายของเราชัดเจน นั่นคือการรวบรวมการสนับสนุนจากนานาชาติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับการแก้ปัญหาแบบสองรัฐ ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะตอบสนองความต้องการอันชอบธรรมของทั้งชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ได้ ... ไม่มีการโจมตี การพยายามผนวกดินแดน หรือการบังคับให้ประชาชนต้องพลัดถิ่นที่จะมาขัดขวางแรงผลักดันที่เราสร้างขึ้นร่วมกับมกุฎราชกุมารฯ และแรงผลักดันนี้ก็มีพันธมิตรหลายรายเข้าร่วมแล้ว" มาครงกล่าวทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีคำสั่งระงับการอนุมัติวีซ่าแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางปาเลสไตน์เกือบทั้งหมด
รายงานข่าวที่อ้างแหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า มาตรการใหม่นี้มีขอบเขตกว้างขวางกว่ามาตรการเดิมที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยบังคับใช้เฉพาะกับผู้ที่เดินทางมาจากกาซาเท่านั้น โดยผลของมาตรการนี้จะทำให้ชาวปาเลสไตน์ไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ ไม่ว่าจะเพื่อการรักษาพยาบาล การศึกษาต่อ หรือการติดต่อธุรกิจก็ตาม
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการออกวีซ่าชั่วคราวทุกประเภทให้กับผู้ที่เดินทางมาจากกาซา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อทำการทบทวนนโยบาย "อย่างเต็มรูปแบบและรอบด้าน" ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มเคลื่อนไหวที่สนับสนุนปาเลสไตน์