สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รายงานในวันนี้ (11 ก.ย.) ว่า พบการดำเนินงานศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์และเครือข่ายบริษัทที่น่าสงสัยในติมอร์-เลสเต (ติมอร์ตะวันออก) โดยมีความเชื่อมโยงกับเขตการค้าเสรีแห่งใหม่ของประเทศ
ในช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจติมอร์-เลสเตได้บุกตรวจค้นศูนย์สแกมเมอร์แห่งหนึ่งในเขตบริหารพิเศษโอเอกูซี (Oecusse) และควบคุมตัวชาวต่างชาติกว่า 30 คน จากอินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน ซึ่งทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ยังไม่ชัดเจนว่าบุคคลเหล่านี้ถูกค้ามนุษย์หรือไม่
ทั้งนี้ โอเอกูซีเป็นดินแดนของติมอร์-เลสเต แต่ตั้งอยู่บนฝั่งอินโดนีเซีย โดยรัฐบาลโอเอกูซีได้เปิดเขตการค้าเสรีชื่อศูนย์ดิจิทัลโอเอกูซี (Oecusse Digital Centre) ขึ้นเมื่อเดือนธ.ค. 2567
ตัวแทนจาก UNODC ระบุว่า ขนาดและลักษณะของกิจกรรมที่พบในขณะนี้ คล้ายกับช่วงเริ่มต้นของอุตสาหกรรมศูนย์สแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมเตือนว่า การที่ติมอร์-เลสเตจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบจะยิ่งเพิ่มความเชื่อมโยงด้านดิจิทัล และทำให้ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมสแกมเมอร์กำลังแพร่ขยายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และลุกลามไปทั่วโลก พร้อมชี้ให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มอาชญากรในการย้ายที่ตั้ง เมื่อบางประเทศในภูมิภาคเริ่มตรวจสอบเข้มงวด
ศูนย์สแกมเมอร์ในลาว เมียนมา และกัมพูชา เป็นที่รู้จักจากขบวนการหลอกให้เหยื่อหลงรักเชื่อใจ (romance scam) โดยผู้หลอกลวงปลอมตัวเป็นหนุ่มสาวหน้าตาดีดึงดูดให้เหยื่อลงทุน นอกจากนี้ยังพบศูนย์หลอกลวงลักษณะดังกล่าวในฟิลิปปินส์ ลาตินอเมริกา และแอฟริกาด้วยเช่นกัน
UNODC ยังพบบริษัทหลายแห่งในติมอร์-เลสเตที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ โดยหนึ่งในนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายคาสิโนในกัมพูชา ซึ่งเป็นของนักธุรกิจกัมพูชาที่มีสัมพันธ์กับหัวหน้ากลุ่มอาชญากรรม 14K Triad ซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร