ฝ่ายปาเลสไตน์เปิดเผยว่า กองกำลังอิสราเอลได้ทำลายอาคารบ้านเรือนในกาซาซิตีไปแล้วอย่างน้อย 30 หลัง และทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องพลัดถิ่น การโจมตีนี้เกิดขึ้นในขณะที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงเมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) เพื่อหารือถึงทิศทางของความขัดแย้งในอนาคต
อิสราเอลได้ประกาศกร้าวถึงแผนการเข้ายึดเมืองกาซาซิตี ซึ่งเป็นที่หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ราวหนึ่งล้านคน โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก และได้ยกระดับการโจมตีในพื้นที่ที่อิสราเอลชี้ว่าเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์
ในวันจันทร์นี้ (15 ก.ย.) กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดฉุกเฉินกลุ่มชาติอาหรับและอิสลามเพื่อหารือถึงแนวทางขั้นต่อไป ขณะที่รูบิโอกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันต้องการพูดคุยถึงวิธีการช่วยเหลือตัวประกัน 48 คนที่ยังถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ รวมถึงแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งกาซา โดยคาดว่าน่าจะมีตัวประกันที่รอดชีวิตอยู่เพียง 20 คน
"เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็ให้มันแล้วไป... เราจะเข้าพบพวกเขา (ผู้นำอิสราเอล) เพื่อหารือกันว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร" รูบิโอกล่าว ก่อนจะเดินทางต่อไปยังอิสราเอลซึ่งเขามีกำหนดการพำนักอยู่จนถึงวันอังคาร (16 ก.ย.)
เมื่อเดินทางถึงอิสราเอล รูบิโอได้เดินทางไปยังกำแพงตะวันตก ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวในนครเยรูซาเล็ม และมีกำหนดการเข้าพบนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า การเยือนกำแพงตะวันตกครั้งนี้ "เพื่อตอกย้ำจุดยืนของอเมริกาที่ยอมรับว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงอันเป็นนิรันดร์ของอิสราเอล"
ย้อนไปเมื่อปลายปี 2560 ในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ และได้ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็มในเวลาต่อมา