หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) รายงานในวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า จีนตัดสินใจยุติการสอบสวนกูเกิล (Google) ในคดีผูกขาดตลาด ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาการค้าที่ดุเดือดขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในประเด็นติ๊กต๊อก (TikTok) และอินวิเดีย (Nvidia) รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจที่เพิ่มสูงขึ้น
FT วิเคราะห์ว่า นี่คือการเปลี่ยนยุทธวิธีของรัฐบาลปักกิ่ง โดยหันมาเพ่งเล็งอินวิเดียเพื่อใช้เป็นไพ่ต่อรองในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน การเลิกสอบสวนกูเกิลก็เป็นการส่งสัญญาณที่ยืดหยุ่นไปยังฝั่งสหรัฐฯ
แหล่งข่าวเปิดเผยกับ FT ว่า สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีน (SAMR) ซึ่งเป็นผู้เริ่มสอบสวนกูเกิลตั้งแต่เดือนก.พ. ได้ตัดสินใจยุติเรื่องนี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ SAMR เคยให้เหตุผลว่า สงสัยว่ากูเกิลอาจทำผิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากูเกิลทำผิดในเรื่องใดหรืออย่างไร
อย่างไรก็ตาม FT รายงานว่า ทางการจีนยังไม่ได้แจ้งการตัดสินใจนี้ให้กูเกิลทราบอย่างเป็นทางการ
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ จีนเพิ่งตั้งข้อหาอินวิเดียว่าละเมิดกฎหมายผูกขาดตลาดเช่นกัน หลังจากการสอบสวนแนวทางธุรกิจเบื้องต้นของบริษัท อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ของหน่วยงานกำกับดูแลของจีนระบุสั้น ๆ เพียงหนึ่งประโยคโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
การสอบสวนดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากทางการจีนอ้างว่า อินวิเดียละเมิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการเข้าซื้อกิจการ เมลลาน็อกซ์ (Mellanox) ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชิปจากอิสราเอลในปี 2563 โดยในขณะนั้น หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้อนุมัติการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวแบบมีเงื่อนไขว่า อินวิเดียต้องจัดหาผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทท้องถิ่นในจีนอย่างต่อเนื่อง แต่จีนกลับพบว่า อินวิเดียไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนี้ จึงขยายการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาดทางการค้า
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศปะทุขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างมหาศาล (ก่อนจะลดลงเหลือ 30%) และยังขู่ว่าจะแบนแอปยอดนิยมอย่างติ๊กต๊อก
ฝ่ายจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษี 10% และเริ่มสอบสวนคดีผูกขาดกับบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกันหลายแห่ง รวมถึงกูเกิลของอัลฟาเบท (Alphabet) ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า บริษัทอเมริกันจะต้องเจอกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น