รัฐบาลรักษาการเนปาล ซึ่งนำโดยสุชีลา การ์กี อดีตประธานศาลฎีกา ได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุความรุนแรงระหว่างการประท้วงต่อต้านการทุจริตเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 74 ราย และบีบให้นายกรัฐมนตรี เค พี ศรรมะ โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้เป็นไปตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีรายหนึ่งในวันนี้ (22 ก.ย.)
การชุมนุมประท้วงดังกล่าวเริ่มต้นจากการเคลื่อนไหวที่นำโดยคนรุ่นใหม่ (Gen Z) เพื่อต่อต้านปัญหาการทุจริตที่ฝังรากลึกและการขาดแคลนตำแหน่งงาน ก่อนจะบานปลายกลายเป็นเหตุความรุนแรงนองเลือดที่สุดในรอบหลายทศวรรษของเนปาล
เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 2,100 คน ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาอาคารสำนักงานหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกา และอาคารรัฐสภา รวมถึงห้างสรรพสินค้า โรงแรมหรู และโชว์รูมต่าง ๆ ซึ่งผู้ประท้วงอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองทุจริต
ราเมศวร ขานาล ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากการ์กีให้ดูแลกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะกรรมการ 3 คนชุดนี้ซึ่งมี เการี บาฮาดูร์ การ์กี ผู้พิพากษาที่เกษียณอายุแล้วเป็นประธาน ได้รับกรอบเวลา 3 เดือนในการสอบสวนให้แล้วเสร็จ
"คณะกรรมการจะสอบสวน... ความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินระหว่างการประท้วง การกระทำที่เกินกว่าเหตุของทั้งสองฝ่าย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการวางเพลิงและทำลายทรัพย์สินระหว่างการเคลื่อนไหว" ขานาลกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์
ด้านอดีตนายกฯ โอลีได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้มีการสอบสวนเช่นกัน เขายืนยันว่ารัฐบาลของเขาไม่เคยมีคำสั่งให้ตำรวจยิงผู้ประท้วง พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า มีบุคคลภายนอกแทรกซึมเข้ามาในการประท้วง และอาวุธที่ใช้ยิงใส่ฝูงชนก็ไม่ใช่ชนิดที่ตำรวจมีประจำการ
ในโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย อดีตนายกฯ โอลีก็ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนความรุนแรงเช่นกัน และกล่าวว่ารัฐบาลของเขาไม่ได้สั่งการให้ตำรวจยิงใส่ผู้ประท้วง โอลีระบุว่า การประท้วงถูกแทรกซึมโดยบุคคลภายนอก และตำรวจไม่ได้มีอาวุธประเภทที่ใช้ยิงใส่ฝูงชน
ทั้งนี้ การ์กีเป็นอดีตประธานศาลพิเศษที่พิจารณาคดีทุจริตในเนปาล และมีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์สุจริต