พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ออกเดินทางไปยังกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ย.) เพื่อเข้าร่วมการประชุม World Atomic Week ตามคำเชิญของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลเมียนมากำลังขยายความร่วมมือด้านนิวเคลียร์กับรัสเซีย
การประชุมดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน โดยสื่อรัสเซียระบุว่าเป็นหนึ่งในเวทีนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ โดยผู้นำประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ และผู้บริหารจากบริษัทยักษ์ใหญ่ ต่างเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ครั้งนี้นับเป็นการเดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งที่ 4 ของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ในรอบ 7 เดือน โดยเขาเคยเดินทางไปทำเนียบเครมลินเมื่อเดือนมีนาคมตามคำเชิญของปธน.ปูติน และได้เข้าร่วมพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะของรัสเซียในเดือนพฤษภาคม และกลับไปยังกรุงมอสโกอีกครั้งในเดือนมิถุนายนหลังจากเยือนเบลารุส
นับตั้งแต่ก่อรัฐประหารในปี 2564 พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้เดินทางเยือนรัสเซียแล้วถึง 7 ครั้ง โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ขายอาวุธรายใหญ่ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา
ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ปธน.ปูตินยืนยันว่ารัสเซียจะช่วยเมียนมาในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประกาศแผนสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาด 110 เมกะวัตต์ด้วยการสนับสนุนจากรัสเซีย
ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาได้ร่วมมือกับสำนักงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งชาติของรัสเซีย (Rosatom) เพื่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กในเมียนมา และได้เปิดศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งแรกในย่างกุ้งแล้ว แม้ว่าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงต่อเมืองมัณฑะเลย์และเนปิดอว์ แต่รัสเซียก็ยังคงยืนยันว่าจะเดินหน้าตามแผนต่อไป
แม้พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประกาศต่อสาธารณะว่า เขามีเจตนาใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ สำหรับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของเมียนมา แต่หลายฝ่ายแสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับเจตนาที่แท้จริงของเมียนมา
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย อาจรู้สึกไม่พอใจที่ถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยวจากการก่อรัฐประหาร และการปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง ทำให้เขาอาจคิดว่าการครอบครองเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อการทหารอาจช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เช่นเดียวกับที่เกาหลีเหนือใช้เป็นกลยุทธ์ในการสร้างอำนาจต่อรองในระดับโลก
"เรามีความกังวลอย่างมากว่ารัฐบาลทหารอาจพยายามได้มาซึ่งเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อการทหาร โดยอ้างว่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านสันติ" นายอู จ่อ โม ทุน เอกอัครราชทูตของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG) ประจำสหประชาชาติ กล่าวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา