พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศคำสั่งใหม่ 10 ข้อในการประชุมด่วนของนายพลและพลเรือเอกในวันอังคาร (30 ก.ย.) ที่มุ่งเสริมสร้างบุคลากรและวัฒนธรรมของกระทรวงฯ รวมถึงการจัดการเรื่องหนวดเคราและรูปร่างที่ลงพุงของทหาร
เฮกเซธกล่าวกับผู้นำระดับสูงของกองทัพนับร้อยชีวิตซึ่งบางส่วนเดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อเข้าร่วมการประชุมที่ฐานทัพนาวิกโยธินควอนติโก รัฐเวอร์จิเนียว่า "เรื่องในวันนี้คือเกี่ยวกับตัวตนของเราเอง เพราะไม่มีแผนงาน โปรแกรม การปฏิรูป หรือหน่วยงานใดที่จะประสบความสำเร็จได้ หากเราไม่มีคนที่เหมาะสมและวัฒนธรรมที่เหมาะสมในกระทรวงกลาโหม"
เฮกเซธระบุว่า กองทัพถูกบังคับให้เสียสมาธิกับเรื่องไม่สำคัญจากนักการเมืองที่เข้าใจผิดมานานเกินไป และเขามุ่งมั่นที่จะกำจัดสิ่งรบกวนต่าง ๆ ที่ทำให้กระทรวงกลาโหมมุ่งเน้นเรื่องความเท่าเทียมและความหลากหลายมากเกินไปในช่วงที่ผ่านมา
คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้แก่ การเสริมมาตรฐานและการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย รวมถึงการเข้มงวดเรื่องรูปลักษณ์ โดยจะไม่อนุญาตให้ทหารไว้หนวดเคราอีกต่อไป
นอกจากนี้ เขายังประกาศว่า กระทรวงจะดำเนินการทบทวนนโยบายเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าภาวะผู้นำเป็นพิษ (toxic leadership) การกลั่นแกล้ง และการรังแก เพื่อให้ผู้นำมีอำนาจในการบังคับใช้มาตรฐานโดยไม่ต้องกลัวการแก้แค้นหรือคาดเดาว่าจะต้องเจอกับอะไรตามมา
เฮกเซธระบุว่า กระทรวงกำลังจัดการและยุติวัฒนธรรมการบังคับบัญชาแบบระมัดระวัง และวัฒนธรรมการบังคับบัญชาแบบไร้ข้อบกพร่อง และยกเลิกการใช้กระบวนการผู้ตรวจการทั่วไปเป็นอาวุธ ตลอดจนจัดการกับโครงการความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม (DEI) และเน้นย้ำการเลื่อนตำแหน่งโดยพิจารณาจากคุณสมบัติ
เฮกเซธกล่าวว่า ทหารอาชีพที่ต้องสู้รบต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายตาม "มาตรฐานกลางของเพศชาย" โดยมีคะแนน 70% ขึ้นไป โดยเฮกเซธระบุว่า "ถ้าผู้หญิงทำได้ ก็เยี่ยม แต่ถ้าไม่ได้ ก็เป็นอย่างที่มันเป็น หากนั่นหมายความว่าผู้หญิงบางคนจะไม่ผ่านเกณฑ์สำหรับงานสู้รบบางประเภท ก็ถือว่าเป็นไปตามนั้น"
ในแง่ของมาตรฐานการฝึก เฮกเซธตำหนิทหารและนายพลที่มีน้ำหนักมาก โดยกล่าวว่า "มันน่าเหนื่อยหน่ายที่ต้องมองดูกองรบ หรือกองพลใด ๆ ก็ตามแล้วเห็นทหารอ้วน เช่นเดียวกันกับการเห็นนายพลและพลเรือเอกอ้วนในห้องโถงของเพนตากอน นั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง...มันเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี"
เฮกเซธกล่าวว่า เขาจะยกเครื่องช่องทางที่สมาชิกกองทัพและบุคลากรฝ่ายกลาโหมสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนโดยไม่เปิดเผยตัวตน โดยรายงานเกี่ยวกับภาวะผู้นำเป็นพิษ หรือระบุถึงการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันตามเชื้อชาติ เพศ รสนิยมทางเพศ หรือศาสนา ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น