แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า แผนสันติภาพในฉนวนกาซาที่เสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างมีนัยสำคัญ
แหล่งข่าวระบุว่า ท่าทีตอบสนองของฮามาสจะขึ้นอยู่กับการแก้ไขและการชี้แจงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นการยุติสงคราม และการถอนกำลังของอิสราเอล
ทั้งนี้ ฮามาสได้ทำการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวภายในกลุ่มและกับพันธมิตรในปาเลสไตน์ โดยส่วนใหญ่ต่างออกแถลงการณ์ปฏิเสธแผนดังกล่าวเมื่อวานนี้ โดยกล่าวหาว่า แผนนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอิสราเอล และแม้จะมีข้อดีผิวเผินบางประการ แต่ก็มี ความเสี่ยงร้ายแรงที่บั่นทอนแก่นแท้ของปัญหาชาวปาเลสไตน์
แหล่งข่าวกล่าวว่า ฮามาสเรียกร้องให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับการยุติการสู้รบอย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งมีหลักประกันจากนานาชาติเพื่อป้องกันการโจมตีครั้งใหม่ และต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับการถอนทัพอิสราเอลออกจากกาซา
ในประเด็นตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกฮามาสควบคุมตัว แหล่งข่าวระบุว่า การปล่อยตัวจะต้องเชื่อมโยงกับกระบวนการถอนกำลังของอิสราเอล เพื่อป้องกันไม่ให้อิสราเอลยุติการปฏิบัติตามสัญญา หลังจากได้รับตัวประกันแล้ว
แหล่งข่าวยังระบุว่า การบูรณะกาซาควรได้รับการบริหารโดยองค์กรปาเลสไตน์เอง ไม่ใช่คณะกรรมการนานาชาติ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ร่างข้อเสนอฉบับปัจจุบัน แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากฉบับที่ปธน.ทรัมป์นำเสนอต่อผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมในกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว โดยระบุว่านายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
"ฮามาสไม่สามารถปฏิเสธแผนนี้โดยสิ้นเชิง แต่จะขอการชี้แจงและหลักประกันเกี่ยวกับการยุติสงครามและการถอนกำลัง รวมถึงการแก้ไขในประเด็นการปกครองและอาวุธ" แหล่งข่าวกล่าวด้านนายฮานี อัล-มัสรี นักวิเคราะห์การเมืองชาวปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเชิงนโยบายมาซารัตในเมืองรามัลเลาะห์ เตือนว่า ข้อเสนอของสหรัฐในรูปแบบปัจจุบัน มีความเสี่ยงที่ร้ายแรง
"มันมอบผลประโยชน์ที่แน่นอนและทันทีให้แก่อิสราเอล ขณะที่ปาเลสไตน์ได้รับเพียงคำสัญญาที่คลุมเครือและล่าช้า และข้อเสนอนี้อาจกลายเป็นฉากบังหน้าสำหรับการยึดครองที่ยืดเยื้อ" นายอัล-มัสรีกล่าว และเสริมว่า แผนนี้ควรถูกพิจารณาภายใต้การยอมรับแบบมีเงื่อนไขและมีหลักประกัน มิฉะนั้นจะเป็นสูตรใหม่ของลัทธิล่าอาณานิคมที่ทำลายทางออกแบบสองรัฐ