💥*"ทรัมป์" เดือด! ขีดเส้นตายฮามาสอาทิตย์นี้ รับแผนสันติภาพ ก่อนพบจุดจบ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความบน Truth Social ในวันนี้ ขีดเส้นตายให้กลุ่มฮามาสยอมรับแผนสันติภาพสำหรับฉนวนกาซาภายในวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม เวลา 18.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม เวลา 05.00 น.ตามเวลาไทย มิฉะนั้น ฮามาสจะพบกับจุดจบอย่างเลวร้ายแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

"ฮามาสเป็นภัยคุกคามร้ายแรงและรุนแรงมานานหลายปีในตะวันออกกลาง! พวกเขาได้ฆ่าคน (และทำให้หลายชีวิตต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน) จนมาถึงเหตุการณ์สังหารหมู่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมในอิสราเอลต่อทารก ผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ และคนหนุ่มสาวทั้งชายหญิง เด็กชายเด็กหญิง ที่กำลังเตรียมฉลองชีวิตในอนาคตร่วมกัน"

"ในการตอบโต้ต่อการโจมตีต่ออารยธรรมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทหารของฮามาสมากกว่า 25,000 คนได้ถูกสังหาร และที่เหลือส่วนใหญ่ได้ถูกปิดล้อมทางการทหาร รอเพียงคำสั่งจากผมว่า "จัดการได้" ซึ่งพวกเขาจะจบชีวิตลงอย่างรวดเร็ว ส่วนที่เหลือ เรารู้ว่าคุณเป็นใครและอยู่ที่ไหน และพวกคุณจะถูกตามล่าและถูกฆ่า"

"ผมขอให้ชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดอพยพออกจากพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่อความตายครั้งใหญ่ไปยังส่วนที่ปลอดภัยของกาซาโดยทันที ทุกคนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากผู้ที่รอช่วยเหลือ""อย่างไรก็ดี โชคดีสำหรับฮามาสที่พวกเขาจะได้รับโอกาสครั้งสุดท้าย! ชาติอาหรับที่ยิ่งใหญ่ มีกำลัง และร่ำรวยในตะวันออกกลาง และประเทศใกล้เคียง รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ได้ตกลงแล้ว โดยอิสราเอลก็ลงนามเรียบร้อย สำหรับสันติภาพ หลังจาก 3,000 ปีในตะวันออกกลาง""ข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยชีวิตทหารฮามาสที่เหลือทั้งหมดด้วย! รายละเอียดของเอกสารนี้เป็นที่รับรู้ของโลกแล้ว และเป็นข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกฝ่าย! เราจะมีสันติภาพในตะวันออกกลาง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความรุนแรงและการนองเลือดจะต้องยุติลง""จงปล่อยตัวประกันทั้งหมด เดี๋ยวนี้! รวมทั้งคืนร่างของผู้เสียชีวิตทั้งหมด! จะต้องมีการบรรลุข้อตกลงกับฮามาสภายในวันอาทิตย์ (5 ตุลาคม) เวลา 18.00 น.ตามเวลาในวอชิงตัน ดีซี (หรือตรงกับวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม เวลา 05.00 น.ตามเวลาไทย)""ทุกประเทศได้ลงชื่อแล้ว! หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้าย ฮามาสจะเผชิญกับเหตุการณ์นรกแตก อย่างที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน จะต้องมีสันติภาพในตะวันออกกลาง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้!" ปธน.ทรัมป์ระบุ