หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยในวันนี้ (13 ต.ค.) ว่า มาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องซึ่งจีนประกาศใช้เมื่อไม่นานนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับปากีสถาน
หลินระบุว่า มาตรการเหล่านี้เป็นแนวปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจีนบังคับใช้เพื่อปรับปรุงระบบควบคุมการส่งออกให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ
หลินมีถ้อยแถลงดังกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงรายงานของสื่อที่อ้างว่า ปากีสถานส่งออกแร่หายากให้แก่สหรัฐอเมริกาโดยใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีจากจีน ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้จีนออกกฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับแร่หายาก
ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ต.ค.) จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตสินค้าไฮเทค
ต่อมาในวันศุกร์ (10 ต.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวหาจีนว่ามีท่าที "เป็นปรปักษ์อย่างยิ่ง" และกำลังจับสหรัฐฯ และทั่วทั้งโลกเป็นตัวประกัน ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออก พร้อมประกาศว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และคุมเข้มการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ (12 ต.ค.) เมื่อถูกถามว่าการเก็บภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวยังคงเป็นแผนการอยู่หรือไม่ โดยทรัมป์ตอบว่า "ใช่ในตอนนี้" แต่ "มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น" พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า สำหรับหลายคน วันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเขากำหนดให้เป็นวันที่อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้นั้น อาจฟังดูเหมือนใกล้เข้ามาแล้ว แต่สำหรับตัวเขาเอง กลับมองว่าเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ายังมีช่องว่างให้ทั้งสองประเทศสามารถถอยออกจากความขัดแย้งได้