ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้แถลงต่อรัฐสภาอิสราเอลในวันนี้ (13 ต.ค.) โดยประกาศว่า "สงครามสองปีของอิสราเอลในฉนวนกาซาได้สิ้นสุดลงแล้ว"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเยือนอิสราเอลในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสได้เข้าสู่วันที่ 4 และตัวประกันกลุ่มสุดท้ายในกาซาจำนวน 20 คนได้กลับคืนสู่อิสราเอลเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทางด้านอิสราเอลได้เริ่มปล่อยตัวนักโทษและผู้ถูกควบคุมตัวชาวปาเลสไตน์ราว 2,000 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของข้อตกลงหยุดยิง
ก่อนเข้าสู่อาคารรัฐสภา ทรัมป์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่า "สงครามกาซาสิ้นสุดลงแล้ว"
จากนั้นทรัมป์ได้แถลงต่อรัฐสภาอิสราเอลว่า "บัดนี้ ในที่สุด ไม่ใช่แค่สำหรับชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวปาเลสไตน์และผู้คนอีกมากมาย ฝันร้ายอันยาวนานและเจ็บปวดได้จบลงเสียที"
ทรัมป์ยังกล่าวถึงการสนับสนุนทางทหารที่สหรัฐฯ มอบให้แก่อิสราเอล โดยระบุว่า "มากเสียจนทำให้อิสราเอลแข็งแกร่งและทรงอำนาจ" เขากล่าว "และพวกคุณก็ใช้มันได้ดีทีเดียว"
นอกจากนี้ ในประเด็นความสัมพันธ์กับอิหร่าน ทรัมป์ระบุว่าเขาสนับสนุนการทำข้อตกลงกับอิหร่าน แต่จะให้ความสำคัญกับประเด็นรัสเซียก่อน โดยกล่าวว่า "จะดีมากหากเราสามารถทำข้อตกลงสันติภาพกับพวกเขา (อิหร่าน) ได้ ผมคิดว่าพวกเขาก็ต้องการ พวกเขาน่าจะเหนื่อยแล้ว" แต่เสริมว่า "ก่อนอื่น เราต้องจัดการเรื่องรัสเซียให้เรียบร้อยก่อน"
การแถลงของทรัมป์ถูกขัดจังหวะเล็กน้อย เมื่อสมาชิกรัฐสภาอิสราเอลคนหนึ่งได้ชูป้ายเรียกร้องให้มีการรับรองรัฐปาเลสไตน์
ทั้งนี้ หลังจบภารกิจในอิสราเอล ทรัมป์จะบินตรงไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อร่วมเป็นประธานการประชุมสุดยอดนานาชาติว่าด้วยอนาคตของกาซา ร่วมกับประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี ผู้นำอียิปต์