วัลดิส ดอมโบรฟสกีส กรรมาธิการเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.) ว่า การที่รัสเซียเข้าทำสงครามในยูเครนได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจสหรัฐฯ ที่ลงทุนในยุโรป และทำให้ผลกำไรของบริษัทได้รับผลกระทบ
ดอมโบรฟสกีส แสดงความเห็นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สถาบันวิสาหกิจอเมริกัน (American Enterprise Institute) ว่า ในปี 2566 สินทรัพย์ของบริษัทสหรัฐฯ ในยุโรปมีมูลค่าประมาณ 19.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 64% ของสินทรัพย์ต่างประเทศทั้งหมดของบริษัทสหรัฐฯ ทั่วโลก ขณะที่ยอดขายสาขายุโรปของบริษัทสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์
ดอมโบรฟสกีสระบุว่า ยุโรปถือเป็นทั้งตลาดขนาดใหญ่ อีกทั้งเป็นแหล่งสินทรัพย์สำคัญ และเป็นจุดเชื่อมโยงหลักในห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการ จึงเป็นภูมิภาคที่ธุรกิจสหรัฐฯ ไม่อาจมองข้ามได้
ดอมโบรฟสกีสชี้ว่า ท่าทีอันแข็งกร้าวของวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ตลอดจนการคุกคามและการโจมตีประชาชนด้วยจรวดและโดรนชาเฮด (Shahed) รวมถึงการโจมตีแบบผสมผสานต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ไม่เพียงแต่เป็นอาชญากรรมที่น่าสะเทือนใจและความโหดร้ายทางจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทเอกชน
นอกจากนี้ ดอมโบรฟสกีสยังกล่าวา ความไม่แน่นอนเหล่านี้ส่งผลต่อผลประกอบการ และเป็นปัจจัยสำคัญที่นักนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ควรคำนึงถึง
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ EU พยายามโน้มน้าวสหรัฐฯ ให้เพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตร 18 ชุด ที่ EU ประกาศใช้กับรัสเซียตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 โดยขณะนี้ EU กำลังจัดทำมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 19