พันเอก ไมเคิล รันเดรียนิรินา ผู้นำรัฐประหารมาดากัสการ์ แถลงเมื่อวันพุธ (15 ต.ค.) ว่า เตรียมเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในเร็ว ๆ นี้ หลังกองทัพยึดอำนาจโค่นล้มประธานาธิบดีอันดรี ราโจเอลีนา เมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.) ขณะที่สหภาพแอฟริกา (AU) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 55 ชาติ ได้ออกแถลงการณ์ระงับสมาชิกภาพของมาดากัสการ์ เพื่อตอบโต้การเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ไม่ได้มาจากวิถีทางประชาธิปไตย โดยโฆษก AU ยืนยันว่ามีผลทันที ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลทหารชุดใหม่ถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองในเวทีระหว่างประเทศ
พ.อ. รันเดรียนิรินา กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า "เราจะเข้าพิธีสาบานตนในเร็ว ๆ นี้" ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากศาลรัฐธรรมนูญสูงสุดมีมติรับรองสถานะและเชิญให้เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยก่อนหน้านี้ กองทัพได้ประกาศยุบสถาบันทางการเมืองทั้งหมด ยกเว้นสมัชชาแห่งชาติ (สภาล่าง)
ผู้นำรัฐประหารยังเปิดเผยแผนการปกครองว่า จะจัดตั้งคณะกรรมการที่นำโดยกองทัพเพื่อบริหารประเทศเป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี ควบคู่กับรัฐบาลเฉพาะกาล ก่อนจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่
ด้านปธน.ราโจเอลีนา ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศโดยเครื่องบินทหารฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ (12 ต.ค.) และมีรายงานว่าขณะนี้พำนักอยู่ที่นครดูไบ ได้ออกมาประณามการยึดอำนาจและปฏิเสธที่จะลงจากตำแหน่ง แม้จะถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนแล้วก็ตาม
การยึดอำนาจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการประท้วงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) และการแปรพักตร์ของหน่วยงานความมั่นคงสำคัญ ๆ รวมถึงตำรวจและกองกำลังกึ่งทหาร
มาห์มูด อาลี ยูซุฟ ประธานคณะกรรมาธิการ AU กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมว่า "หลักนิติธรรมต้องอยู่เหนือการใช้กำลัง แนวทางของเราตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและการเจรจา"
สำหรับ พ.อ. รันเดรียนิรินา เคยเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ "แคปแซท" (CAPSAT) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในรัฐประหารปี 2552 ที่ผลักดันให้ราโจเอลีนาขึ้นสู่อำนาจ แต่ได้ตัดสินใจแปรพักตร์เมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมเรียกร้องไม่ให้ทหารใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง
ทั้งนี้ ราโจเอลีนา อดีตดีเจวัย 51 ปี ก้าวขึ้นสู่อำนาจจากรัฐประหารในปี 2552 ท่ามกลางการสนับสนุนของคนหนุ่มสาว และกลายเป็นประมุขแห่งรัฐที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัย 34 ปี แต่ตลอดการบริหารประเทศ เขาล้มเหลวที่จะทำตามสัญญาเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตและขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน
ปัจจุบัน มาดากัสการ์มีประชากรราว 30 ล้านคน อายุเฉลี่ยของประชากรน้อยกว่า 20 ปี และกว่า 3 ใน 4 ของประชากรมีฐานะยากจน โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า GDP ต่อหัวของประเทศลดลงถึง 45% นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2503