สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (16 ต.ค.) จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วงปี 2561-2562 ถูกคณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางในศาลแขวงรัฐแมริแลนด์ ตั้งข้อหาทั้งหมด 18 กระทง ประกอบด้วยข้อหาการส่งต่อข้อมูลด้านการป้องกันประเทศ 8 กระทง และการครอบครองข้อมูลดังกล่าวอีก 10 กระทง
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า คณะลูกขุนใหญ่ตั้งข้อหาโบลตันในฐาน "อาชญากรรมร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลลับอย่างไม่เหมาะสม"
ด้าน เอบบี โลเวลล์ ทนายความของโบลตัน แถลงผ่าน CNN ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยระบุว่า "เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายท่านในประวัติศาสตร์ ท่านทูตโบลตันได้เก็บไดอารี่ไว้ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความผิดอาญา เราหวังว่าจะสามารถพิสูจน์ได้อีกครั้งว่า ท่านทูตโบลตันไม่ได้มีการเผยแพร่หรือจัดเก็บข้อมูลใด ๆ อย่างผิดกฎหมาย"
ขณะเดียวกัน โบลตันเองก็ออกแถลงการณ์ชี้ว่า เขาตกเป็นเป้าหมายในแคมเปญล้างแค้นของทรัมป์ที่มุ่งเล่นงานศัตรูทางการเมือง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ตอบสั้น ๆ ว่า "ผมคิดว่าเขาเป็นคนเลว"
ข่าวดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี เจ้าหน้าที่ FBI ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของโบลตันในรัฐแมริแลนด์และสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามหมายศาล และยึดเอกสารจำนวนมากที่ประทับตรา "ลับที่สุด" (classified), "ลับ" (secret) และ "เป็นความลับ" (confidential) ไปเป็นหลักฐาน
การตั้งข้อหาโบลตันถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึงเดือน ที่บุคคลชื่อดังซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์ถูกดำเนินคดี โดยก่อนหน้านี้ เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI และ เลทิเชีย เจมส์ อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์ก ก็เพิ่งถูกตั้งข้อหาไปในศาลแขวงรัฐเวอร์จิเนียตะวันออก
ทั้งนี้ โบลตันเป็นหนึ่งในผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างเผ็ดร้อนมาโดยตลอดนับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่ง โดยเคยกล่าวหาว่าทรัมป์ "ไม่เหมาะสมที่จะเป็นประธานาธิบดี"