สหภาพยุโรป (EU) ประกาศขึ้นบัญชีดำโรงกลั่นน้ำมันจีน 2 แห่ง และไชน่าออยล์ ฮ่องกง (Chinaoil Hong Kong) ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจค้าพลังงานของปิโตรไชน่า (PetroChina) หลังพบว่ายังคงซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย
จากเอกสารทางการของ EU ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) ระบุว่า โรงกลั่นที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ เลียวหยาง ปิโตรเคมิคัล (Liaoyang Petrochemical) และซานตง ยูหลง ปิโตรเคมิคัล (Shandong Yulong Petrochemical) ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 6 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นราว 3% ของกำลังการผลิตน้ำมันกลั่นทั้งหมด 19 ล้านบาร์เรลต่อวันของจีน
EU ระบุว่า บริษัทน้ำมันทั้งสามแห่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรัสเซียรายสำคัญ จึงถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลรัสเซีย
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ EU ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีน แต่ครั้งนี้ถือว่ามีผลกระทบทางเศรษฐกิจมากที่สุด โดย EU ร่วมกับกลุ่มประเทศ G7 เพื่อลดช่องทางหารายได้จากน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการทำสงครามกับยูเครน
นอกจากนี้ EU ยังขึ้นบัญชีดำ เทียนจิน ซื่อซานฟู่เฉิง อินเตอร์เนชันแนล เทรดดิง (Tianjin Xishanfusheng International Trading) ด้วย โดยระบุว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการช่วยรัสเซียหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร และยังส่งออกสินค้าจาก EU ไปยังหน่วยงานในรัสเซีย แม้การส่งออกโดยตรงนี้จะถูกห้ามโดย EU
ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนแสดงความไม่พอใจและคัดค้านมาตรการดังกล่าวของ EU พร้อมยืนยันจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทจีน
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า จีนเรียกร้องให้ EU ยุติการขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนทันที และละเว้นจากการดำเนินการที่ผิดพลาดต่อไป