ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหมของญี่ปุ่นและการหารือเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในวันนี้ (24 ต.ค.) โดยให้เหตุผลถึงสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่รุนแรงรอบประเทศ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจีนและเกาหลีเหนือ
โคอิซูมิกล่าวหลังถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนสำหรับแผนเสริมสร้างด้านกลาโหมของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิว่า รัฐบาลจะหารือในเรื่องดังกล่าวภายใต้นโยบายการคลังเชิงรุกที่มีความรับผิดชอบ
โคอิซูมิกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า "ตอนนี้ ผมยังไม่ได้คิดถึงระดับงบประมาณด้านกลาโหมที่เฉพาะเจาะจงไว้ในใจ แต่เราต้องมีการหารืออย่างเป็นรูปธรรมว่า อะไรคือสิ่งที่จำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตและความเป็นอยู่ของพลเมืองของเราภายใต้สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบัน"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า โคอิซูมิซึ่งพ่ายแพ้ให้กับทาคาอิจิในศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ในคณะรัฐมนตรีของทาคาอิจิที่ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันอังคาร (21 ต.ค.) หลังจากที่เธอขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนการที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปีงบประมาณ 2570 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2565 ขณะที่แหล่งข่าวทางการทูตของญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ได้เรียกร้องอย่างลับ ๆ ให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณดังกล่าวเป็น 3.5%