ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรก ณ กรุงโตเกียว ในวันนี้ (28 ต.ค.) โดยประเด็นสำคัญของการหารือคือเรื่องความมั่นคงและการค้า ในขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น
ในด้านความมั่นคงนั้น คาดว่าทาคาอิจิและทรัมป์จะเห็นพ้องกันถึงความสำคัญของการส่งเสริมขีดความสามารถในการป้องปรามและการตอบโต้ของพันธมิตรทวิภาคี ท่ามกลางความท้าทายด้านความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นจากจีนและเกาหลีเหนือ
ขณะเดียวกัน คาดว่าทาคาอิจิจะเน้นย้ำถึงแผนการที่เธอได้ให้คำมั่นไว้ในการแถลงต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของญี่ปุ่นเป็น 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในเดือนมี.ค. ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2570 ถึงสองปี หลังจากที่ทรัมป์เรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมมากขึ้น
ญี่ปุ่นได้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างมากนับตั้งแต่มีการกำหนดเป้าหมายปีงบประมาณ 2570 ตอนที่รัฐบาลทำการทบทวนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติระยะยาวในปี 2565 โดยทาคาอิจิได้ให้คำมั่นว่าจะมีการทบทวนอีกครั้งในปีหน้า
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทาคาอิจิ ซึ่งเป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยมและผู้สนับสนุนนโยบายความมั่นคง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้สืบทอดทางการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ มีเป้าหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับทรัมป์ ซึ่งมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับอดีตนายกฯ อาเบะผู้ถูกลอบสังหารในปี 2565
นอกจากนี้ คาดว่าผู้นำทั้งสองจะยืนยันถึงการดำเนินการตามข้อตกลงทางการค้าที่บรรลุเมื่อเดือนก.ค. ซึ่งรวมถึงการที่ญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะลงทุน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐฯ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ แร่สำคัญ และการต่อเรือ ตลอดจนซื้อสินค้าเกษตรและสินค้าอื่น ๆ จากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น
ภายใต้ข้อตกลงทวิภาคี ทรัมป์ได้ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น โดยลดภาษีนำเข้ารถยนต์ลงเหลือ 15% จากอัตราเดิมที่ 27.5%
แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวระบุว่า ภายหลังการหารือร่วมกัน ทาคาอิจิและทรัมป์จะโดยสารเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดี มารีนวัน (Marine One) ไปยังฐานทัพเรือสหรัฐฯ ที่เมืองโยโกสึกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว เพื่อตรวจเยี่ยมเรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน