ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้หากประเทศอื่น ๆ ดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียเมื่อวันพุธ (5 พ.ย.) ปูตินกล่าวว่า "ย้อนกลับไปเมื่อปี 2566 ที่ผมแถลงต่อรัฐสภาทั้งสองสภา ผมระบุว่าหากสหรัฐอเมริกาหรือรัฐภาคีอื่น ๆ ของสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์ดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ รัสเซียก็จำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ"
รายงานระบุว่า ผู้นำรัสเซียได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเตรียมความพร้อมเพื่อทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ปูตินกล่าวเสริมว่า รัสเซียปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (CTBT) อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และจะยังคงปฏิบัติตามต่อไปจนกว่าประเทศอื่น ๆ จะเริ่มทำการทดสอบนิวเคลียร์
ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนต.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมกลับมาเริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ทันที นับเป็นการรื้อฟื้นโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ทศวรรษ เพื่อตอบโต้โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของชาติคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีน
ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า "เนื่องจากประเทศอื่นมีโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ผมจึงสั่งการให้กระทรวงสงครามเริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเราบนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเริ่มขึ้นทันที"
ทรัมป์ยังกล่าวถึงแสนยานุภาพของมหาอำนาจโลกว่า "รัสเซียอยู่อันดับสอง และจีนอยู่อันดับสามโดยตามมาห่าง ๆ แต่จะทัดเทียมกันได้ภายใน 5 ปี"