ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำสั่งอนุญาตในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) ให้รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินนโยบายที่ห้ามผู้ยื่นขอหนังสือเดินทางระบุเพศตามอัตลักษณ์ทางเพศของตน
ศาลได้ตอบรับคำร้องของกระทรวงยุติธรรมให้ยกเลิกคำสั่งของผู้พิพากษาที่เคยระงับนโยบายดังกล่าว ซึ่งกำหนดให้หนังสือเดินทางต้องตรงกับเพศที่ได้รับการระบุเมื่อแรกเกิด ระหว่างที่คดีฟ้องแบบกลุ่มต่อรัฐบาลยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ศาลระบุในคำชี้แจงว่า "การแสดงเพศของเจ้าของหนังสือเดินทางตามเพศแรกเกิด มิได้เป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาคมากกว่าการแสดงประเทศที่บุคคลนั้นเกิดแต่อย่างใด กล่าวคือ ในทั้งสองกรณี รัฐบาลเพียงแต่ยืนยันข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ โดยมิได้กระทำให้ผู้ใดได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างโดยไม่เป็นธรรม"
อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาสายเสรีนิยมบางส่วนได้แสดงความเห็นแย้งต่อคำตัดสิน โดยระบุว่า ศาลได้อนุญาตให้นโยบายของรัฐบาลทรัมป์มีผลบังคับใช้อีกครั้งในระหว่างรอการพิจารณาคดี ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อกลุ่มผู้เปราะบาง
ผู้พิพากษาที่คัดค้านคำตัดสินดังกล่าวระบุว่า การป้องกันไม่ให้คนข้ามเพศชาวอเมริกันได้รับหนังสือเดินทางที่ตรงกับอัตลักษณ์ทางเพศ ไม่เพียงแค่แสดงความเชื่อว่าตัวตนของคนข้ามเพศเป็น 'เท็จ' เท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้เกิดการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และในบางครั้งถึงขั้นสร้างความอับอายด้วย
ทั้งนี้ นโยบายของทรัมป์ยังถือเป็นการกลับลำจากแนวปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2535 โดยอนุญาตให้ระบุเพศในหนังสือเดินทางต่างจากเพศแรกเกิดได้ หากมีเอกสารทางการแพทย์ยืนยัน