ศาลฎีกาสหรัฐฯ อนุมัติคำร้องฉุกเฉินของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันศุกร์ (7 พ.ย.) ให้พักคำสั่งของศาลล่างที่กำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือเต็มจำนวนในโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร SNAP (Supplemental Nutrition Assistance Program) เป็นการชั่วคราวในช่วงที่มีการปิดทำการของรัฐบาลกลาง ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนครั้งใหม่เกี่ยวกับการแจกจ่ายเงินช่วยเหลือในโครงการต่อต้านความหิวโหยที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จอห์น แมคคอนเนลล์ หัวหน้าผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำรัฐโรดไอแลนด์ ระบุว่า กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ต้องใช้กองทุนฉุกเฉินเพื่อจ่ายเงิน SNAP โดยเร็วที่สุด
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ กระทรวงเกษตรประกาศว่าจะใช้เงินกองทุนฉุกเฉินรวม 4.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสิทธิ์ SNAP เดือนพ.ย. ครอบคลุมประมาณ 50% ของผู้มีสิทธิประโยชน์
ในวันพฤหัสบดี แมคคอนเนลล์ได้สั่งให้รัฐบาลทรัมป์จ่ายเงิน SNAP เต็มจำนวนสำหรับเดือนพ.ย.ภายในวันศุกร์ และในวันเดียวกันนั้น ทนายของกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่ามีแผนยื่นอุทธรณ์ทั้งคำสั่งของวันพฤหัสบดีและคำสั่งก่อนหน้านี้ของแมคคอนเนลล์
รัฐบาลได้ขอให้ศาลอุทธรณ์พักคำตัดสินใด ๆ ที่บังคับให้ใช้เงินเกินกองทุนฉุกเฉินที่มีอยู่ และขออนุญาตดำเนินการจ่ายเงิน SNAP เพียงบางส่วนตามแผน
ในวันศุกร์ รัฐบาลทรัมป์ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อขอพักคำสั่งของศาลล่างในการจ่ายเงิน SNAP เต็มจำนวน หลังจากนั้นไม่นาน ศาลอุทธรณ์ได้ปฏิเสธคำร้องของรัฐบาลสำหรับการพักคำสั่งชั่วคราวของศาลล่าง
คืนวันศุกร์ เคทันจิ บราวน์ แจ็คสัน ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้อนุมัติให้พักคำสั่งจ่ายเงิน SNAP เต็มจำนวนเป็นเวลา 2 วัน เพื่อรอคำตัดสินจากศาลอุทธรณ์ว่าควรพักคำสั่งต่อไปหรือไม่ โดยผู้พิพากษาไม่ได้ตัดสินว่า การกระทำของทำเนียบขาวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ โครงการ SNAP ครอบคลุมประชากรชาวอเมริกัน 42 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 8 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้น้อยกว่าค่ามาตรฐานความเป็นอยู่ขั้นต่ำในสหรัฐฯ โดยโครงการนี้ขาดแคลนเงินทุนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ