โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงต่อสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (11 พ.ย.) แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสหรัฐฯ กำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านรักษาความสงบและกลับไปปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพร่วม (Joint Declaration) ที่เคยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมเป็นสักขีพยาน
ท่าทีของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลไทยตัดสินใจระงับปฏิญญาฯ โดยฝ่ายไทยได้กล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายลอบวางกับระเบิดล็อตใหม่ตามแนวชายแดน
อย่างไรก็ตาม ทางด้านกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และแนะให้ฝ่ายไทยใช้ความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการลาดตระเวนในพื้นที่อันตรายที่ยังมีกับระเบิดเก่าจากสมัยสงครามกลางเมืองหลงเหลืออยู่ พร้อมยืนยันว่ากัมพูชายังคงต้องการทำงานร่วมกับไทยภายใต้กรอบข้อตกลงเดิมที่ลงนามไว้เมื่อเดือนต.ค.
สถานการณ์ยิ่งทวีความตึงเครียดขึ้น เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมระงับการปฏิบัติตาม 4 ข้อในปฏิญญาฯ กับกัมพูชาอย่างไม่มีกำหนด ถึงขั้นประกาศกร้าวว่า "สิ่งที่ไทยและกัมพูชาได้เคยมีข้อตกลงกันไว้ เพื่อจะเดินไปสู่การมีสันติภาพ มันได้จบลงแล้ว"
"เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ณ ขณะนี้ 4 ข้อในปฏิญญา ประเทศไทยไม่ปฏิบัติแล้ว และจะกำหนดการดำเนินการของตัวเอง โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนข้อกำหนดต่าง ๆ และการดำเนินการของกองทัพอย่างเต็มที่" นายอนุทิน กล่าว