The Phnom Penh Post สื่อของกัมพูชา รายงานว่า ผู้แทนรัฐสภาจาก 45 ประเทศเรียกร้องให้ประเทศไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นายที่ถูกควบคุมตัวไว้ภายหลังการหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมโดยทันที โดยระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการแสดงน้ำใจไมตรี และช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ
คำร้องดังกล่าวอยู่ในแถลงการณ์ลงวันที่ 12 พฤศจิกายนในการประชุมประธานรัฐสภาระหว่างประเทศ (ISC) ที่จัดขึ้นที่กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน
ISC ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และแสดงความหวังต่อการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้แสดงความยินดีต่อปฏิญญาสันติภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชาได้ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นสักขีพยาน
อย่างไรก็ดี ISC แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานล่าสุดที่ระบุว่าทางการไทยได้ตัดสินใจระงับการปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพ และให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารกับกัมพูชาอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพที่เปราะบาง ซึ่งเกิดขึ้นจากการเจรจาอย่างยากลำบาก
ISC จึงขอเรียกร้องให้ประเทศไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นายที่ถูกจับกุมหลังการหยุดยิงโดยทันที เพื่อแสดงน้ำใจไมตรีและความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจร่วมกันเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ ตามหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของอาเซียนในการสร้างประชาคมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและสันติภาพ
ปฏิญญาสันติภาพดังกล่าวตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการยุติการสู้รบ หลีกเลี่ยงการทำลายล้างหรือการอพยพของประชาชน และงดเว้นจากการใช้หรือข่มขู่ใช้กำลัง โดยจะใช้แนวทางการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ บนพื้นฐานของการเคารพอธิปไตย และกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเน้นการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และความรุ่งเรือง บนหลักการของการเคารพซึ่งกันและกันทางด้านเอกราช ความเท่าเทียม บูรณภาพแห่งดินแดน และอัตลักษณ์ของชาติ
ISC ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามหลักการที่ได้ตกลงกันไว้ในปฏิญญาสันติภาพ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียด ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน และรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตในบรรยากาศของความเป็นมิตรและเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อมุ่งสู่สันติภาพที่ยั่งยืนและประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศและภูมิภาค
ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับความท้าทายด้านสันติภาพและความมั่นคงระดับโลก รวมถึงสงคราม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และวิกฤตด้านมนุษยธรรม ซึ่งยังคงเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการพัฒนาทั่วโลก