มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย เตรียมเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในวันอังคาร (18 พ.ย.) เพื่อกระชับความร่วมมือด้านพลังงานและความมั่นคง รวมถึงผลักดันความร่วมมือด้านการค้า เทคโนโลยี และโครงการนิวเคลียร์พลเรือน
รายงานระบุว่า ครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นับตั้งแต่เหตุการณ์การสังหารจามาล คาช็อกกี นักวิจารณ์รัฐบาลซาอุฯ ณ กรุงอิสตันบูลเมื่อปี 2561 ซึ่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เคยเผยว่า มกุฎราชกุมารฯ อนุมัติปฏิบัติการจับกุมหรือสังหารดังกล่าว แม้เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งการโดยตรง แต่ยอมรับผิดชอบในฐานะผู้นำโดยพฤตินัยของราชอาณาจักร
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน ทั้งสหรัฐฯ และซาอุฯ ต่างต้องการก้าวข้ามเหตุการณ์ในอดีตและเดินหน้าต่อไป โดยทรัมป์หวังใช้โอกาสนี้ผลักดันคำมั่นการลงทุนมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์จากซาอุฯ ที่ประกาศไว้ระหว่างที่เขาเดินทางเยือนกรุงริยาด เมื่อเดือนพ.ค. โดยคาดว่าทรัมป์จะหลีกเลี่ยงการหยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาหารือเช่นเคย
ขณะเดียวกัน โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ต้องการให้สหรัฐฯ ให้หลักประกันด้านความมั่นคง ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาค พร้อมผลักดันการเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรุกคืบความตกลงด้านนิวเคลียร์พลเรือน
ด้านอาซิซ อัลฆอชีอัน นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยเนฟอาหรับเพื่อศาสตร์ความมั่นคง ให้ความเห็นว่า เรื่องการสังหารคาช็อกกีกลายเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ กับซาอุฯ มีความตกลงอย่างไม่เป็นทางการมายาวนาน ที่ซาอุฯ จะจำหน่ายน้ำมันในราคาพิเศษ เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ จะให้ความคุ้มครองด้านความมั่นคง แต่ข้อตกลงดังกล่าวได้สั่นคลอนลง ตั้งแต่สหรัฐฯ ไม่ตอบโต้กรณีอิหร่านโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ ในปี 2562 และความกังวลยิ่งทวีขึ้นอีกเมื่ออิสราเอลโจมตีกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายกลุ่มผู้นำฮามาส