ศาลคดีอาชญากรรมสงครามของบังกลาเทศได้มีคำพิพากษาลงโทษประหารชีวิตอดีตนายกรัฐมนตรี ชีค ฮาสินา ภายหลังการไต่สวนคดีที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายเดือนสิ้นสุดลงในวันนี้ (17 พ.ย.) โดยคณะตุลาการวินิจฉัยว่า ฮาสินามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา กรณีสั่งการให้ใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งนำโดยนักศึกษาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเมื่อปีที่แล้ว
คำพิพากษาครั้งนี้นับเป็นบทลงโทษทางกฎหมายต่ออดีตผู้นำประเทศที่แรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของบังกลาเทศ และเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นต้นเดือนก.พ. ที่จะถึงนี้ โดยพรรคสันนิบาตอวามีของฮาสินาถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และเป็นที่วิตกว่าคำตัดสินดังกล่าวอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความไม่สงบระลอกใหม่ก่อนวันเลือกตั้ง
ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Crimes Tribunal) ของบังกลาเทศ ซึ่งเป็นศาลพิเศษที่จัดตั้งขึ้นในกรุงธากาเพื่อพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามโดยเฉพาะ ได้อ่านคำพิพากษาท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และเป็นการพิพากษาลับหลังจำเลย เนื่องจากฮาสินาได้ลี้ภัยไปยังประเทศอินเดียตั้งแต่เดือนส.ค. 2567
ฮาสินาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และโทษประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรมบุคคลจำนวนมากระหว่างเหตุการณ์ลุกฮือดังกล่าว รายงานข่าวระบุว่ามีเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีและเสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นภายในห้องพิจารณาคดี หลังการประกาศคำตัดสินโทษประหารชีวิต
อย่างไรก็ดี คำพิพากษานี้ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ แม้ซาจีบ วาเซด บุตรชายและที่ปรึกษาของฮาสินา เผยกับรอยเตอร์ก่อนวันพิพากษาว่า ทางครอบครัวจะยังไม่ดำเนินการอุทธรณ์ใด ๆ จนกว่าบังกลาเทศจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตย และพรรคสันนิบาตอวามีได้กลับเข้าร่วมในกระบวนการทางการเมืองอีกครั้ง
ทั้งนี้ ฮาสินา วัย 78 ปี ซึ่งพำนักอยู่ในอินเดียนับตั้งแต่ถูกโค่นล้มอำนาจเมื่อเดือนส.ค. 2567 ปฏิเสธความชอบธรรมของกระบวนการพิจารณาคดีมาโดยตลอด โดยยืนกรานว่าผลการตัดสินว่าตนมีความผิดนั้น เป็นผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
รายงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า อาจมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,400 คน และบาดเจ็บอีกนับพันรายจากการประท้วงระหว่างวันที่ 15 ก.ค. - 5 ส.ค. 2567 ซึ่งผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เสียชีวิตจากกระสุนปืนของฝ่ายความมั่นคง เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงนับเป็นโศกนาฏกรรมรุนแรงที่สุดของบังกลาเทศนับตั้งแต่สงครามประกาศเอกราชเมื่อปี 2514