รัฐบาลญี่ปุ่นออกประกาศเตือนพลเมืองของตนในประเทศจีนให้ยกระดับความระมัดระวังด้านความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมชน ท่ามกลางรอยร้าวทางการทูตระหว่างสองชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากกรณีไต้หวัน
ทั้งนี้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้งทางการทูตครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปีระหว่างสองมหาอำนาจแห่งเอเชียตะวันออก ด้วยการกล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า หากจีนใช้กำลังทหารกับไต้หวัน จะถือเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางทหาร
มิโนรุ คิฮาระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงว่า คำแนะนำล่าสุดนี้เป็นการย้ำเตือนมาตรการความปลอดภัยอีกครั้ง เนื่องจากกระแสต่อต้านญี่ปุ่นในสื่อของจีนทวีความรุนแรงขึ้น โดยระบุว่า "การตัดสินใจนี้มาจากการประเมินสถานการณ์ความมั่นคง ตลอดจนสภาพการเมืองและสังคมอย่างครอบคลุม"
ก่อนหน้านี้ ในวันจันทร์ (17 พ.ย.) สถานทูตญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่งได้แจ้งเตือนพลเมืองให้เคารพธรรมเนียมท้องถิ่นและใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติตัวกับชาวจีน พร้อมแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางคนเดียว และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อมีเด็กเดินทางไปด้วย โดยเน้นย้ำว่า "หากพบเห็นบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีท่าทีน่าสงสัยแม้เพียงเล็กน้อย ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้และออกจากพื้นที่นั้นทันที"
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ที่บานปลายยังส่งผลกระทบถึงวงการบันเทิง โดยผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในจีนได้ระงับการฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่นอย่างน้อย 2 เรื่อง ซึ่งสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีนรายงานว่าเป็น "การตัดสินใจที่สุขุมรอบคอบ" เพื่อตอบสนองต่อกระแสความไม่พอใจของผู้ชมในประเทศ
CCTV อ้างข้อมูลจากผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายว่า ภาพยนตร์ "เครยอนชินจัง เดอะมูฟวี่ ตอน ร้อนแรงแซ่บเว่อร์! แดนเซอร์แห่งคาซึคาเบะ" และ "เซลล์ขยันพันธุ์เดือด" ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะถูกเลื่อนการฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ท่าทีของจีนได้ตอบโต้ญี่ปุ่นในหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเรียกร้องให้พลเมืองงดเดินทางไปญี่ปุ่น ไปจนถึงการประกาศว่านายกรัฐมนตรีจีนไม่มีแผนที่จะพบปะกับทาคาอิจิ นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่แอฟริกาใต้ในสัปดาห์นี้ แม้ญี่ปุ่นจะพยายามลดความตึงเครียดก็ตาม
คิฮาระกล่าวว่ายังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการประชุมทวิภาคีในช่วงการประชุม G20 แต่ญี่ปุ่นยังคงเปิดกว้างต่อการหารือในหลายระดับกับจีน
เรียวเซ อาคาซาวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของญี่ปุ่น กล่าวว่า แม้จะมีมาตรการตอบโต้จากจีน แต่ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก (rare earths) และวัตถุดิบสำคัญอื่น ๆ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ตั้งแต่อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงยานยนต์ ต้องพึ่งพาเป็นอย่างมาก
เมื่อค่ำวันจันทร์ ผู้นำจาก 3 สมาพันธ์ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นได้เข้าพบทาคาอิจิ เพื่อเรียกร้องให้ใช้การเจรจาเป็นหนทางคลี่คลายความตึงเครียดทางการทูต
"เสถียรภาพทางการเมืองคือเงื่อนไขพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ" โยชิโนบุ สึสึอิ ประธานสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) กล่าวกับผู้สื่อข่าว
อัลเลน คาร์ลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของจีนจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล ให้ทัศนะว่า แม้ญี่ปุ่นจะพยายามลดความรุนแรงของสถานการณ์ แต่การปฏิเสธที่จะถอนคำพูดของนายกรัฐมนตรีทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจ "ผลลัพธ์ก็คือ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจึงตกอยู่ในภาวะเปราะบางอย่างยิ่ง"
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และไม่เคยปฏิเสธทางเลือกในการใช้กำลังเพื่อผนวกรวมเกาะแห่งนี้ ขณะที่รัฐบาลไต้หวันปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าวมาโดยตลอด และยืนยันว่าอนาคตของไต้หวันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น
ไต้หวันตั้งอยู่ห่างจากอาณาเขตของญี่ปุ่นเพียง 110 กิโลเมตร และน่านน้ำโดยรอบยังเป็นเส้นทางการค้าทางทะเลที่สำคัญยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น