ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) ว่า ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าพำนักในสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายไปแล้วกว่า 130 คนในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกวาดล้างและเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองครั้งใหญ่ทั่วประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ทวีความเข้มข้นขึ้นในแถบภาคใต้
ร็อบ บริสลีย์ โฆษกหน่วยศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) แถลงว่า เจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนชายแดนได้จับกุมผู้คนไปกว่า 130 รายในเมืองชาร์ลอตต์ระหว่างวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (15-16 พ.ย.) ซึ่งเป็นเพียงสองวันแรกของปฏิบัติการที่รัฐบาลกลางมุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้เข้าเมืองที่ไม่มีเอกสาร
"เราจะยังคงบังคับใช้กฎหมายของชาติอย่างไม่หยุดยั้ง จนกว่าผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ก่อคดีอาญาจะถูกจับกุมและเนรเทศออกจากประเทศจนหมดสิ้น" บริสลีย์กล่าวอย่างไรก็ดี บริสลีย์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการที่ดำเนินต่อเนื่องในวันจันทร์ และยังไม่มีความชัดเจนว่าปฏิบัติการในเมืองสำคัญทางใต้นี้จะยุติลงเมื่อใด
ด้านเจเน็ต โคเวลล์ นายกเทศมนตรีเมืองราลี สังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่าปฏิบัติการในรัฐนอร์ทแคโรไลนานี้จะขยายวงมาถึงเมืองราลี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรัฐ แต่ยืนยันว่าตำรวจท้องถิ่นของราลีไม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผนใด ๆ ทั้งสิ้น
"ดิฉันขอให้ชาวเมืองราลีระลึกถึงหลักการที่เรายึดถือ และรักษาความสงบและเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผ่านพ้นความท้าทายที่กำลังจะมาถึงนี้ไปได้" โคเวลล์ระบุในแถลงการณ์ขณะที่ วี ไลล์ส นายกเทศมนตรีเมืองชาร์ลอตต์จากพรรคเดโมแครตเช่นกัน กล่าวว่าสิทธิและการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของบุคคลทุกคนในเมืองจะต้องได้รับการธำรงไว้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับสถานะการเข้าเมือง พร้อมระบุว่าเจ้าหน้าที่ของเมืองกำลังพยายามให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ "ภายใต้กรอบกฎหมายอันซับซ้อน"
"ถึงชาวชาร์ลอตต์ทุกท่านที่กำลังวิตกกังวลและหวาดกลัว ท่านไม่ได้อยู่เพียงลำพัง" ไลล์สเขียนผ่านโซเชียลมีเดีย "เมืองของท่านยืนหยัดเคียงข้างท่าน"
ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงอย่างสันติในเมืองชาร์ลอตต์ รวมถึงการเดินออกจากห้องเรียนเพื่อประท้วงของนักเรียนโรงเรียนมัธยมอีสต์เมคเคล็นเบิร์กเมื่อวันจันทร์ นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่วิดีโอการจับกุมในโซเชียลมีเดีย ซึ่งคลิปหนึ่งเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้ากำลังทุบกระจกรถกระบะและลากตัวชายคนหนึ่งออกมา
ธุรกิจของชาวลาตินหลายแห่งในเมืองชาร์ลอตต์ได้ปิดทำการตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์และยังคงไม่เปิดในวันจันทร์ ทั้งนี้ ชาร์ลอตต์เป็นเมืองที่มีประชากร 943,000 คน และเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดของสหรัฐฯ ตามข้อมูลของสำนักงานสำมะโนประชากร โดยผู้คนต่างหลั่งไหลมายังเมืองนี้ด้วยแรงดึงดูดจากตำแหน่งงานค่าตอบแทนสูงในภาคการเงิน เทคโนโลยี และโลจิสติกส์
นโยบายการเนรเทศครั้งใหญ่และการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ถือเป็นวาระนโยบายสำคัญภายในประเทศของรัฐบาลทรัมป์ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค. เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลางได้เข้าปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นในหลายเมืองที่บริหารโดยพรรคเดโมแครต เช่น ลอสแอนเจลิสและชิคาโก รวมถึงในพื้นที่ชนบทที่มีแนวคิดอนุรักษนิยม
จอช สไตน์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา สังกัดพรรคเดโมแครต ได้วิพากษ์วิจารณ์ปฏิบัติการในเมืองชาร์ลอตต์อย่างหนักหน่วง โดยกล่าวผ่านวิดีโอเมื่อสุดสัปดาห์ว่า "เราได้เห็นเจ้าหน้าที่สวมหน้ากาก พกพาอาวุธครบมือในเครื่องแบบกึ่งทหาร ขับรถยนต์ไร้ตราสัญลักษณ์ และมีพฤติกรรมตั้งเป้าหมายพลเมืองอเมริกันจากสีผิว เป็นการตั้งเป้าจากลักษณะทางเชื้อชาติ และเข้าจับกุมผู้คนอย่างไม่เจาะจงตามลานจอดรถและฟุตบาท"
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิชี้แจงว่า ปฏิบัติการกวาดล้างในเมืองชาร์ลอตต์ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นปฏิเสธคำร้องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองเกือบ 1,400 ครั้ง โดยคำร้องดังกล่าวขอให้หน่วยงานท้องถิ่นช่วยควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยต่ออีก 48 ชั่วโมงหลังพ้นกำหนดปล่อยตัวตามปกติ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองสามารถเข้าควบคุมตัวบุคคลเหล่านั้นได้