ทรัมป์สั่งเลิกกำแพงภาษีสินค้าเกษตรบราซิล เซ่นพิษของแพง-คะแนนนิยมดิ่ง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) ยกเลิกกำแพงภาษี 40% สำหรับสินค้าอาหารจากบราซิล ทั้งเนื้อวัว กาแฟ โกโก้ และผลไม้ ที่ประกาศบังคับใช้เมื่อเดือนก.ค. เพื่อลงโทษรัฐบาลบราซิล กรณีดำเนินคดีกับฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีและพันธมิตรคนสำคัญของทรัมป์

เอกสารคำสั่งของทำเนียบขาวระบุว่า การยกเลิกภาษีจะมีผลย้อนหลังครอบคลุมสินค้านำเข้าจากบราซิลตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2568 เป็นต้นไป และอาจมีการคืนเงินอากรขาเข้าที่เก็บไปแล้วในช่วงเวลาดังกล่าว

คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งประกาศยกเลิกภาษีสินค้าเกษตรจากหลายประเทศเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (14 พ.ย.) สะท้อนการกลับลำนโยบายภาษีของทำเนียบขาว หลังมาตรการเดิมส่งผลให้ราคาอาหารในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นจนกระทบผู้บริโภค โดยผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอสส์ชี้ว่า ปัญหาค่าครองชีพและราคาอาหารที่ถีบตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดให้คะแนนนิยมของทรัมป์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขากลับมารับตำแหน่งสมัยที่ 2

บราซิลถือเป็นแหล่งนำเข้ากาแฟแหล่งใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติที่บริโภคกาแฟมากที่สุดในโลก โดยในปีนี้ ราคากาแฟขายปลีกในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นถึง 40% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากกำแพงภาษี ผสมโรงกับปัจจัยด้านอุปทาน เช่น สภาพอากาศที่ทำให้ผลผลิตลดลง

จูดิธ เกนส์ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์และประธานบริษัท J. Ganes Consulting คาดการณ์ว่า กาแฟบราซิลหลายพันกระสอบที่ตกค้างอยู่ในคลังสินค้าทัณฑ์บนจะเริ่มถูกระบายไปยังโรงคั่วกาแฟในสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้นำเข้าจำนวนมากเลือกพักสินค้าไว้ในคลังสินค้าทัณฑ์บนหลังมีการประกาศกำแพงภาษี เพื่อรอจังหวะให้มีการปรับลดอัตราภาษีในภายหลัง

ขณะเดียวกัน บราซิลยังเป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวรายสำคัญ โดยเฉพาะเนื้อวัวสำหรับทำเบอร์เกอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมเนื้อวัวของบราซิล (ABIEC) ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการเจรจาการค้า และทางกลุ่มจะเดินหน้าขยายส่วนแบ่งการตลาดต่อไป