ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ไม่ได้มีการพูดคุยกันระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ที่แอฟริกาใต้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังคงร้อนระอุระหว่างทั้งสองชาติจากถ้อยแถลงของทาคาอิจิเกี่ยวกับการตอบโต้หากจีนโจมตีไต้หวัน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาเปิดเผยคำกล่าวของหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ซึ่งระบุว่า ผู้นำญี่ปุ่นคนปัจจุบันได้ส่งสัญญาณที่ผิดอย่างชัดเจน ด้วยความพยายามที่จะเข้าแทรกแซงทางการทหารในประเด็นไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการล้ำเส้นตายที่ไม่ควรถูกก้าวล่วง
ส่วนทาคาอิจิเปิดเผยกับนักข่าวภายหลังการประชุมสุดยอด G20 ระยะเวลาสองวันครั้งแรกของเธอว่า เธอไม่ได้มีการพบปะกับนายหลี่
ทาคาอิจิกล่าวว่า "นับตั้งแต่ดิฉันเป็นนายกรัฐมนตรี ความตั้งใจของญี่ปุ่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน สร้างสรรค์ และมั่นคง ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง" และเสริมว่า "ญี่ปุ่นเปิดกว้างสำหรับการเจรจาในหลายระดับ ... มีข้อกังวลและปัญหามากมายเกิดขึ้นระหว่างญี่ปุ่นกับจีน นั่นคือเหตุผลที่เราควรพยายามลดความกังวลเหล่านั้น ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันมากขึ้น ... แน่นอนว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องพูดในสิ่งที่ต้องพูดกับจีน"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จีนได้ออกมาตรการหลายชุด รวมถึงคำแนะนำไม่ให้เดินทางเยือนญี่ปุ่น และการกลับมาดำเนินมาตรการห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่ทาคาอิจิกล่าวต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่าการโจมตีไต้หวันอาจกระตุ้นให้ญี่ปุ่นตอบโต้ทางทหาร
คำกล่าวของเธอถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า ญี่ปุ่นอาจอนุญาตให้กองกำลังป้องกันตนเองเข้าดำเนินการสนับสนุนสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคง หากจีนใช้มาตรการปิดล้อมทางทะเลต่อไต้หวัน หรือมีการบีบบังคับในรูปแบบอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของจีนที่ให้ทาคาอิจิถอนคำพูด โดยระบุว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนที่ยึดถือมายาวนานของรัฐบาล แม้ผู้นำญี่ปุ่นคนก่อน ๆ เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการคุกคามไต้หวันของจีน แต่ก็ไม่เคยระบุอย่างชัดเจนต่อสาธารณะว่าญี่ปุ่นจะตอบโต้อย่างไร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นและจีนมีความขัดแย้งกันมาอย่างต่อเนื่องในหลายประเด็น ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์และปัญหาเขตแดน