เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ธ.ค.) ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ได้กล่าวปราศรัยประกาศคำสัตย์ปฏิญาณว่าจะ "ภักดีอย่างที่สุด" ต่อประชาชนชาวเวเนซุเอลา ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอย่างหนักกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การปราศรัยดังกล่าวมีขึ้นบริเวณหน้าทำเนียบประธานาธิบดี ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของแกนนำพรรคสังคมนิยม (PSUV) ระดับท้องถิ่นชุดใหม่ โดยมีภริยาและรัฐมนตรีมหาดไทยยืนเคียงข้างพร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูง
ในโอกาสนี้ ปธน.มาดูโรได้กล่าวถ้อยคำโดยอ้างถึงอูโก ชาเบซ อดีตผู้นำผู้ล่วงลับว่า "ขอให้มั่นใจเถิดว่า ผมเคยสาบานด้วยชีวิตและความสงบสุขของตนต่อหน้าร่างของผู้บัญชาการชาเบซก่อนอำลากันไว้อย่างไร ผมขอให้คำสัตย์ว่าจะภักดีต่อพวกท่านอย่างที่สุดเช่นนั้น ตราบจนกว่าเราจะได้เห็นประวัติศาสตร์อันงดงามและกล้าหาญนี้... ขอให้มั่นใจเถิดว่า ผมจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง ไม่แน่นอน ไม่มีวัน"
สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างเวเนซุเอลา-สหรัฐฯ ได้ทวีความรุนแรงต่อเนื่องมาหลายเดือน ทั้งจากคำขู่ของทรัมป์ที่จะขยายปฏิบัติการทางทหารสู่ภาคพื้นดิน และการที่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำกลุ่ม "การ์เตล เด โลส โซเลส" (Cartel de los Soles) เป็นองค์กรก่อการร้ายข้ามชาติโดยอ้างว่ามาดูโรมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งผู้นำเวเนซุเอลาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมมาโดยตลอด
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมหารือกับที่ปรึกษาระดับสูงเกี่ยวกับประเด็นเวเนซุเอลา หลังจากที่เจ้าตัวยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ (30 พ.ย.) ว่าได้พูดคุยกับมาดูโรแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องปฏิบัติการทางทหารซึ่งกองทัพสหรัฐฯ ได้โจมตีเรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิกไปแล้วอย่างน้อย 21 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 83 ราย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ฆอร์เฆ โรดริเกซ ประธานสมัชชาแห่งชาติเวเนซุเอลา ได้นัดประชุมสมัยวิสามัญเมื่อวันจันทร์เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนและปกป้องครอบครัวผู้สูญเสีย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสำนักงานสื่อมวลชนของสภาฯ แจ้งว่าการประชุมดังกล่าวได้ถูกระงับและเลื่อนไปรวมกับวาระการอภิปรายปกติในวันอังคาร (2 ธ.ค.) แทน