ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดฉากหารือกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่กรุงนิวเดลีเมื่อวันศุกร์ (5 ธ.ค.) โดยฝ่ายเจ้าบ้านจัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ พร้อมย้ำจุดยืนชัดเจนว่าอินเดีย "ไม่ได้เป็นกลาง" แต่เลือกข้าง "สันติภาพ" ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากชาติ
การเดินทางเยือนอินเดียครั้งแรกในรอบ 4 ปีของผู้นำรัสเซีย เต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น โมดีได้เดินทางไปรับปูตินด้วยตนเองถึงลานจอดเครื่องบินเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ธ.ค.) พร้อมสวมกอดทักทาย ก่อนจะนั่งรถคันเดียวกันไปรับประทานอาหารค่ำส่วนตัว และในวันรุ่งขึ้น รัฐบาลอินเดียได้จัดพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการพร้อมยิงสลุต 21 นัด ที่ทำเนียบประธานาธิบดีราษฏรปติภวัน (Rashtrapati Bhavan)
ประเด็นสำคัญของการหารือคือจุดยืนต่อสงครามยูเครน โดยนายกฯ โมดีกล่าวกับปูตินในวงเจรจาว่า "อินเดียไม่ได้วางตัวเป็นกลาง อินเดียมีจุดยืน และจุดยืนนั้นคือสันติภาพ เราสนับสนุนและพร้อมยืนเคียงข้างทุกความพยายามที่จะนำไปสู่ความสงบสุข"
ด้านปูตินกล่าวขอบคุณโมดีที่ช่วยเป็นธุระไกล่เกลี่ย โดยระบุว่า "ท่านได้มอบโอกาสให้ผมได้ชี้แจงสถานการณ์ในยูเครน รวมถึงมาตรการที่เราร่วมมือกับพันธมิตรและสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ"
ทั้งนี้ ปูตินเพิ่งหารือกับคณะทูตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนบินมาอินเดียเพียงวันเดียว แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้
ในมิติเศรษฐกิจ รัสเซียมุ่งเป้าฟื้นฟูมูลค่าการค้ากับอินเดียให้แตะระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 โดยคาดว่าจะมีการลงนามความตกลงหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทอินเดียกับกลุ่ม Uralchem เพื่อตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยยูเรียในรัสเซีย รวมถึงความเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินรัสเซียอย่าง Gazprombank และ Alfa Bank ที่ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการในอินเดียเพื่อช่วยสร้างความคล่องตัวด้านธุรกรรม
นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังหารือถึงการขยายความร่วมมือในสาขาเทคโนโลยีขั้นสูง การบิน อวกาศ และพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนอีกด้วย
การกระชับมิตรครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะคำขู่ของทรัมป์ที่จะขึ้นภาษีสินค้าอินเดียเพื่อตอบโต้ที่อินเดียซื้อน้ำมันรัสเซีย ปูตินได้ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นตอบโต้ประเด็นนี้อย่างเผ็ดร้อนว่า
"ในเมื่อสหรัฐฯ ยังมีสิทธิซื้อเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จากเรา ทำไมอินเดียถึงจะไม่มีสิทธิเช่นเดียวกัน คำถามนี้ต้องพิจารณากันให้ละเอียด และเราพร้อมหารือเรื่องนี้รวมถึงกับปธน.ทรัมป์ด้วย"อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า อินเดียกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" เพราะต้องรักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกผู้ค้าอาวุธรายใหญ่ กับวอชิงตันคู่ค้าคนสำคัญ ซึ่งการขยับเข้าหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับอีกขั้วอำนาจทันที