วุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันต่างเสนอกันคนละฉบับ ส่งผลให้ชาวอเมริกันกว่า 20 ล้านคนอาจต้องเผชิญกับเบี้ยประกันที่สูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมาตรการเงินอุดหนุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Affordable Care Act: ACA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "โอบามาแคร์" (Obamacare) กำลังจะหมดอายุลงสิ้นเดือนนี้
รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอของพรรคเดโมแครตที่ต้องการขยายเงินอุดหนุนพิเศษที่ใช้มาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ออกไปอีก 3 ปี ได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน 4 คน แต่ถึงกระนั้น คะแนนก็ยังไม่ถึง 60 เสียงที่จำเป็นต่อการหยุดยั้งการอภิปรายประวิงเวลาเพื่อขัดขวางการผ่านญัตติหรือมติในสภา (Filibuster)
ส่วนข้อเสนอของพรรครีพับลิกันที่ต้องการขยายบัญชีออมทรัพย์เพื่อสุขภาพ เพื่อทดแทนเครดิตภาษีที่กำลังจะหมดอายุ ก็ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนที่เพียงพอเช่นกัน
ความล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายครั้งนี้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงแก่พรรคเดโมแครต โดยชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ออกมาวิจารณ์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า แทนที่จะลดค่าเบี้ยประกัน พรรครีพับลิกันกลับเลือกตัดงบประมาณด้านสุขภาพ ทำให้ผู้คนนับล้านหลุดออกจากระบบประกัน และกระทบโรงพยาบาลในชนบท
"ทำไมน่ะหรือ? ก็เพื่อให้เพื่อนมหาเศรษฐีของพวกเขาได้ลดหย่อนภาษียังไงล่ะ" ชูเมอร์โพสต์ข้อความบน X
ทั้งนี้ การลงมติในวุฒิสภาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ได้ทำร่วมกับพรรคเดโมแครต เพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง หรือชัตดาวน์ เป็นเวลา 43 วัน ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 12 พ.ย. โดยในขณะนั้น วุฒิสมาชิกเดโมแครตบางส่วนแสดงความไม่พอใจต่อข้อตกลงดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประกันสุขภาพ
ปัจจุบัน โครงการโอบามาแคร์มีผู้ลงทะเบียนราว 24 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีถึง 22 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ์เงินอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยลดค่าเบี้ยประกันรายเดือน