ศาลฮ่องกงมีคำพิพากษาในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า จิมมี ไล มหาเศรษฐีและเจ้าพ่อวงการสื่อที่สนับสนุนประชาธิปไตย มีความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นและสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ
นักธุรกิจวัย 78 ปีผู้นี้ ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลจีนบังคับใช้ในฮ่องกงตั้งแต่ปี 2563 โดยถูกควบคุมตัวตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 ขณะที่กระบวนการพิจารณาคดีเริ่มขึ้นในเดือนธ.ค. 2566
อย่างไรก็ตาม นายไลได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งข้อหาข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติและเผยแพร่เนื้อหายุยงปลุกปั่น
รายงานระบุว่า คดีของนายไลได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เคยหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ระหว่างการพบปะกันที่เกาหลีใต้เมื่อเดือนต.ค. พร้อมเรียกร้องให้จีนปล่อยตัวนายไล
คำตัดสินดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของฮ่องกง นับตั้งแต่ที่มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่ทางการเมืองของฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกงถดถอยอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ คำพิพากษามีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังพรรคการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยเก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง ประกาศยุบพรรคแล้ว หลังดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมาเป็นเวลา 31 ปี ขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกง ซึ่งจำกัดผู้สมัครเฉพาะผู้ที่ผ่านการรับรองจากรัฐ มีอัตราผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งต่ำเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง