ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ประกาศว่า ยูเครนพร้อมสละความหวังในการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หากสามารถแลกกับการได้รับหลักประกันด้านความมั่นคงภายใต้ข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามกับรัสเซียที่ดำเนินมาเกือบ 4 ปี
ทั้งนี้ ปธน.เซเลนสกีประกาศดังกล่าวในการเจรจานาน 5 ชั่วโมงกับนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของปธน.ทรัมป์ ที่กรุงเบอร์ลินในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายวิตคอฟฟ์กล่าวว่า มีความคืบหน้าอย่างมากจากการหารือดังกล่าว ซึ่งมีกำหนดดำเนินการต่อในวันนี้
ข้อเสนอของปธน.เซเลนสกีนับเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ เนื่องจากยูเครนใฝ่ฝันมาโดยตลอดที่จะเป็นสมาชิกของนาโต ซึ่งมีพันธกรณีตามมาตรา 5 ว่า การโจมตีประเทศใดประเทศหนึ่งของสมาชิกนาโตถือเป็นการโจมตีทุกประเทศ
ปธน.เซเลนสกีกล่าววานนี้ว่า ข้อเสนอในการยกเลิกความพยายามเข้าร่วมนาโตเพื่อแลกกับหลักประกันด้านความมั่นคง ถือเป็นการประนีประนอมของยูเครน
'ตั้งแต่เริ่มต้น เงื่อนไขของยูเครนคือการเป็นสมาชิกนาโต ซึ่งจะมอบหลักประกันด้านความมั่นคงที่แท้จริงให้เรา แต่พันธมิตรบางประเทศจากสหรัฐและยุโรปไม่สนับสนุนแนวทางนี้'
'ดังนั้น ในวันนี้ หลักประกันด้านความมั่นคงแบบทวิภาคีระหว่างยูเครนกับสหรัฐ โดยเฉพาะหลักประกันลักษณะเดียวกับมาตรา 5 จากสหรัฐ รวมถึงหลักประกันด้านความมั่นคงจากชาติยุโรป และจากประเทศอื่น ๆ เช่น แคนาดาและญี่ปุ่น จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการรุกรานจากรัสเซียขึ้นอีก และนี่ถือเป็นการประนีประนอมจากฝ่ายเรา' ปธน.เซเลนสกีกล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่ายูเครนประกาศว่ายอมยุติความพยายามเข้าร่วมนาโต แต่ในความเป็นจริง โอกาสที่ยูเครนจะได้เข้าเป็นสมาชิกก็แทบไม่มีอยู่แล้ว เนื่องจากถูกคัดค้านจากสมาชิกหลายประเทศ รวมทั้งสโลวาเกียและฮังการี เนื่องจากกังวลว่าการผลักดันเรื่องนี้อาจถือเป็นการยั่วยุรัสเซีย
ทั้งนี้ รัสเซียคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการที่ยูเครนจะเข้าร่วมนาโต โดยรัสเซียอ้างว่าการขยายตัวของนาโตในยุโรปตะวันออกเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครนในปี 2565