สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทางหน่วยงานเตรียมขยายพื้นที่ห้ามบินโดรนรอบสถานที่สำคัญ จากเดิมรัศมีประมาณ 300 เมตร เป็นราว 1,000 เมตร หลังเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านการก่อการร้ายเพิ่มสูงขึ้น
สำนักงานตำรวจญี่ปุ่นหวังว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยโดรนในการประชุมรัฐสภาสมัยหน้า ภายหลังรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของโดรน รวมถึงการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น
พื้นที่ที่ถูกกำหนดห้ามบินโดรนล้วนเป็นสถานที่สำคัญ อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี พระราชวังอิมพีเรียล โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สนามบิน และสถานที่ของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (SDF) เป็นต้น
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจยังเตรียมที่จะสั่งห้ามบินโดรนเป็นการชั่วคราวรอบสถานที่จัดงานนานาชาติขนาดใหญ่ เช่น การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 ตลอดจนพิธีหรือกิจกรรมภายในประเทศที่มีบุคคลสำคัญเข้าร่วม
สำนักงานตำรวจระบุว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโดรนได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการโจมตีจากระยะไกล พร้อมแสดงความกังวลว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจยังขาดอุปกรณ์หรือการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ดังกล่าว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปัจจุบัน โดรนสามารถบินด้วยความเร็วสูงสุดถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากราว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่กฎหมายว่าด้วยโดรนมีผลบังคับใช้
ขณะเดียวกัน ระยะทางในการส่งสัญญาณภาพจากโดรนขยายออกไปไกลถึง 10 กิโลเมตร จากเดิมเพียง 200300 เมตรในอดีต อีกทั้งความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักยังเพิ่มขึ้นจากช่วง 80 กรัม ถึง 5 กิโลกรัม เป็นสูงสุด 30 กิโลกรัม