สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ธ.ค.) ว่า ทางการสหรัฐฯ กำลังระดมกำลังไล่ตามสกัดเรือบรรทุกน้ำมันลำที่ 3 ในน่านน้ำสากลนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวเอ็นบีซี (NBC News) ว่า "หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ กำลังไล่ล่าเรือในกองเรือเงามืดที่ถูกคว่ำบาตร เรือลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายลักลอบขนส่งน้ำมันที่ผิดกฎหมายของเวเนซุเอลา โดยมีการชักธงปลอมอำพรางและมีคำสั่งศาลให้อายัดทรัพย์ไว้แล้ว"
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานข่าวก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้บุกขึ้นตรวจค้นเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ "เบลลา 1" (Bella 1) ขณะกำลังมุ่งหน้าไปรับสินค้าที่เวเนซุเอลา และระบุในเวลาต่อมาว่าปฏิบัติการไล่ล่ายังคงดำเนินอยู่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หากจับกุมได้สำเร็จ เรือลำนี้จะนับเป็นเรือบรรทุกน้ำมันลำที่ 3 ที่เชื่อมโยงกับเวเนซุเอลาซึ่งถูกสหรัฐฯ สกัดจับได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน หน่วยรักษาฝั่งสหรัฐฯ เพิ่งบุกขึ้นตรวจเรือ "เซนจูรีส์" (Centuries) นอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันยักษ์สัญชาติปานามาที่แม้จะไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตร แต่แอนนา เคลลี โฆษกทำเนียบขาว ได้โพสต์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า น้ำมันดิบบนเรือลำดังกล่าวมาจากบริษัท พีดีวีเอสเอ (PDVSA) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันของเวเนซุเอลาที่อยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. กองกำลังสหรัฐฯ ได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันชื่อ "สกิปเปอร์" (Skipper) ใกล้น่านน้ำเวเนซุเอลา พร้อมประกาศแผนที่จะยึดน้ำมันทั้งหมดบนเรือลำนั้น
ต่อมาในวันที่ 16 ธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่ง "ปิดล้อมอย่างเบ็ดเสร็จ" ต่อเรือบรรทุกน้ำมันในบัญชีคว่ำบาตรทุกลำที่จะเข้าหรือออกจากเวเนซุเอลา พร้อมทั้งขึ้นบัญชีรัฐบาลเวเนซุเอลาของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เป็น "องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ"
ข้อมูลจาก TankerTrackers.com เว็บไซต์ติดตามการเดินเรือน้ำมัน ระบุว่าขณะนี้ยังมีเรือบรรทุกน้ำมันที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรอีกหลายสิบลำจอดทอดสมออยู่ในน่านน้ำเวเนซุเอลา ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจเวเนซุเอลา และเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศหลักของประเทศ
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเวเนซุเอลาออกมาประณามว่าการสกัดกั้นเรือน้ำมันดังกล่าวเข้าข่าย "โจรสลัด" พร้อมกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าพยายามโค่นล้มอำนาจการปกครองและขยายอิทธิพลทางทหารในลาตินอเมริกา