รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืนและมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายที่เข้มงวดขึ้นในวันนี้ (24 ธ.ค.) โดยมุ่งจำกัดการครอบครองอาวุธปืน ห้ามแสดงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในที่สาธารณะ และเพิ่มอำนาจตำรวจในการควบคุมการประท้วง ภายหลังเหตุกราดยิงครั้งใหญ่บริเวณหาดบอนได
รายงานระบุว่า รัฐสภานิวเซาท์เวลส์มีมติผ่านร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการก่อการร้ายและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หลังสภาสูงลงมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 18 ต่อ 8 ในการประชุมฉุกเฉินช่วงเช้ามืด
กฎหมายฉบับใหม่กำหนดให้ประชาชนทั่วไปสามารถครอบครองอาวุธปืนได้ไม่เกิน 4 กระบอกต่อใบอนุญาต ขณะที่เกษตรกรสามารถครอบครองได้สูงสุด 10 กระบอก พร้อมกำหนดให้ผู้ถือใบอนุญาตอาวุธปืนทุกคนต้องเป็นสมาชิกชมรมยิงปืน
นอกจากนี้ ตำรวจจะได้รับอำนาจเพิ่มขึ้นในการออกข้อจำกัดต่อการประท้วงเป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน ภายหลังมีการประกาศเหตุการณ์ก่อการร้าย
คริส มินส์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า มาตรการที่เข้มงวดดังกล่าวอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทุกภาคส่วน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน พร้อมย้ำว่า เหตุกราดยิงครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงนครซิดนีย์และรัฐนิวเซาท์เวลส์ไปตลอดกาล
ทั้งนี้ การออกกฎหมายคุมเข้มอาวุธปืนนี้มีขึ้นหลังเกิดเหตุกราดยิงในงานเฉลิมฉลองวันแรกของเทศกาลฮานุกกะห์ของชาวยิวที่หาดบอนได นครซิดนีย์ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย โดยทางการระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีแรงจูงใจจากแนวคิดของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS)