ทำเนียบเครมลินเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้รับรายงานเกี่ยวกับการหารือกันระหว่างทูตพิเศษของรัสเซียและทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เกี่ยวกับข้อเสนอของสหรัฐที่จะนำไปสู่การทำข้อตกลงสันติภาพในยูเครน และรัสเซียจะจัดทำจุดยืนของตนต่อไป
ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์มักวิพากษ์วิจารณ์ว่าการยุติสงครามในยูเครน เป็นเป้าหมายนโยบายต่างประเทศที่ยากจะบรรลุที่สุดในสมัยประธานาธิบดีของเขา
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า นายคิริลล์ ดมิทรีเยฟ ทูตพิเศษรัสเซีย ได้รายงานต่อปธน.ปูตินเกี่ยวกับการเดินทางไปเมืองไมอามีเพื่อหารือกับคณะทูตของปธน.ทรัมป์
อย่างไรก็ดี นายเพสคอฟปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับปฏิกิริยาของรัสเซียต่อข้อเสนอดังกล่าว โดยระบุว่า ทำเนียบเครมลินจะไม่สื่อสารผ่านสื่อมวลชน
VTsIOM ซึ่งเป็นสำนักสำรวจความคิดเห็นของรัฐบาลรัสเซีย เปิดเผยว่า ชาวรัสเซียส่วนใหญ่คาดหวังว่าสงครามในยูเครนจะยุติลงในปี 2569
ทั้งนี้ นายมิคาอิล มาโมนอฟ รองผู้อำนวยการ VTsIOM กล่าวว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,600 คน คาดว่าปี 2569 จะเป็นปีที่รัสเซียประสบความสำเร็จมากกว่าปีนี้ ขณะที่ 55% ระบุว่าความหวังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้ในการยุติปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน
'เหตุผลหลักของการมองโลกในแง่ดีดังกล่าวคือความเป็นไปได้ในการยุติปฏิบัติการพิเศษทางทหาร และการบรรลุเป้าหมายที่ประกาศไว้ สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติที่ประธานาธิบดีได้วางไว้' นายมาโมนอฟกล่าว
นายมาโมนอฟระบุว่า ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังแนวโน้มของข้อตกลงสันติภาพในอนาคต ได้แก่ การรุกคืบอย่างต่อเนื่องของกองทัพรัสเซียในยูเครน, ความไม่เต็มใจของสหรัฐในการให้เงินสนับสนุนยูเครน และการที่สหภาพยุโรปไม่สามารถทดแทนบทบาททางการเงินและการทหารของสหรัฐได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Levada ซึ่งเป็นสำนักโพลอิสระ ระบุว่า ชาวรัสเซียราว 2 ใน 3 สนับสนุนการเจรจาสันติภาพ ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดนับตั้งแต่การเริ่มต้นสงคราม
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมว่า การเจรจากับสหรัฐและชาติยุโรปเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย "ใกล้จะได้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแล้ว"