รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงวันนี้ (26 ธ.ค.) เตรียมออกมาตรการชุดใหม่ภายในฤดูร้อนปีหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจในการนำเข้าสินค้าจำเป็น เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และข้าวสาลี โดยมาตรการนี้มีการหารือกันเป็นครั้งแรกในที่ประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เนื่องจากญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานและอาหารเป็นหลัก จึงมีความกังวลมากขึ้นว่าวิกฤตการณ์ในต่างประเทศอาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน รัฐบาลจึงต้องพิจารณาแนวทางรับมือ เช่น การเพิ่มความหลากหลายของแหล่งนำเข้าและการเพิ่มปริมาณสำรองสินค้า
นอกจากนี้ ในที่ประชุมซึ่งมีมิโนรุ คิฮาระ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นประธาน ยังได้หารือถึงวิธีขยายและสร้างเสถียรภาพให้กับการขนส่งทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะคิดเป็นสัดส่วนถึง 99.5% ของปริมาณการค้าทั้งหมดในญี่ปุ่น
คิฮาระแถลงต่อสื่อมวลชนในฐานะโฆษกรัฐบาลว่า ตนได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า "เราตั้งเป้าจะรวบรวมแนวทางนโยบายภายในฤดูร้อนหน้า เพื่อวางยุทธศาสตร์ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มั่นคง" พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายเร่งหาทางออกที่เป็นรูปธรรม โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
รัฐบาลเตือนว่า หากเส้นทางขนส่งทางทะเลถูกตัดขาดในช่วงวิกฤต อาจเกิดการขาดแคลนพลังงานและอาหาร ลามไปถึงเวชภัณฑ์และของใช้ถูกสุขอนามัย ซึ่งจะกระทบต่อการบริการทางการแพทย์อย่างร้ายแรง
แม้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติปี 2565 จะระบุถึงการเข้าถึงทรัพยากรจำเป็นเพื่อประคองเศรษฐกิจในช่วงเหตุฉุกเฉิน แต่ที่ผ่านมาการดำเนินงานจริงยังล่าช้า
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทากาอิจิ ซึ่งเป็นสายเหยี่ยวที่ให้ความสำคัญกับงานด้านความมั่นคง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจอยู่นาน 2 ปี (ตั้งแต่ปี 2565) ก่อนจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ เมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา